ภาวะสมองล้า (Brain Fog Syndrome) เกิดจากการทำงานหนักของสมองในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งการทำงาน หรือการอ่านหนังสือเรียน ส่งผลให้เกิดอาการทางอารมณ์ที่แปรปรวน ถึงแม้อาการเหล่านี้จะสามารถหายได้เองในเวลาต่อมา⏰ แต่หากเกิดภาวะสมองล้าบ่อยครั้ง จะทำให้เสี่ยงโรคอื่นๆ ตามมา และสามารถส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้ เช่น เกิดอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และสมองเสื่อมก่อนวัย
แอดมินมาแนะนำวิธีป้องกัน Brain Fog Syndrome ต้องทำอย่างไรบ้างไปดูกันครับ💁🏻♂️
💥อาการของภาวะสมองล้า
➖ อาการทางสมองจากภาวะสมองล้า ได้แก่ มีปัญหาด้านความจำ ไม่ค่อยมีสมาธิ คิดได้ช้า ส่งผลให้ทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ลำบากมากยิ่งขึ้น
➖ อาการทางร่างกายและอารมณ์จากภาวะสมองล้า ได้แก่ อาการนอนไม่หลับ ปวดศีรษะแบบเรื้อรัง หงุดหงิดง่าย และสายตาอ่อนเพลีย
💥สาเหตุของภาวะสมองล้า
➖ มีสภาวะความเครียดมากเกินไปส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดเสี่ยงภาวะสมองล้า
➖ พักผ่อนไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และขาดการออกกำลังกาย
➖ รับคลื่นแม่เหล็กจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือใช้งานคอมพิวเตอร์มากเกินไป
➖ เกิดจากการทำงานของฮอร์โมนที่ไม่สมดุล เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ เป็นต้น
➖ เกิดจากสารพิษในร่างกาย เช่น สารโลหะหนัก การปนเปื้อนในอาหาร หรือมลพิษ เป็นต้น
💥การป้องกันภาวะสมองล้า
➖ จัดตารางงานทีละชิ้น และกำหนดเวลาในการทำให้แน่นอน ไม่ควรทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
➖ ดูแลตนเองให้มากขึ้น นอนหลับพักผ่อนวันละ 7-8 ชั่วโมง
➖ กินอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยบำรุงสมอง เช่น นำ้แปะก๊วย พืชตระกูลถั่ว ไข่ ปลาน้ำลึก
➖ ออกกำลังกายสมอง เช่น เล่นเกมไขปริศนา เรียนรู้ทักษะใหม่ ทำงานฝีมือ
ภาวะสมองล้าเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน⚡️ โดยเฉพาะวัยทำงาน💻 และวัยเรียน📚 ถึงแม้อาการจะสามารถหายได้ในเวลาต่อมา⏰ แต่หากไม่ใส่ใจอาจมีโรคอื่นๆ ตามมาในภายหลัง เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การผ่อนคลายตนเองไม่ให้สมองทำงานหนักจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และควรคำนึงถึงอยู่เสมอครับ
ที่มา : โรครว้ายๆวัยทำงาน