ตรวจรับบ้านก่อนโอน สำคัญแค่ไหน ต้องดูอะไรบ้าง อธิบายครบประเด็น

การตรวจรับบ้านก่อนโอนเป็นขั้นตอนสำคัญ ซึ่งดูต้องอะไรบ้าง ที่ผู้ซื้อบ้านไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายในการตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านก่อนที่จะเซ็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องใด ๆ จะได้แจ้งให้ผู้ขายแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนที่จะรับมอบบ้าน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เพราะการตรวจรับบ้านอย่างละเอียดรอบคอบจะช่วยให้ผู้ซื้อบ้านมั่นใจได้ว่าบ้านที่จะได้รับมอบนั้นมีคุณภาพตรงตามที่ตกลงกันไว้ สามารถเข้าอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ หากใครที่กำลังจะซื้อบ้านแต่ไม่รู้ว่าจุดไหนที่ควรต้องดูก่อนเซ็นรับบ้านบ้าง Frasers Property Home รวบรวมจุดเช็กลิสต์มาให้แล้ว ในบทความนี้

ทำไม! ขั้นตอนการตรวจรับบ้านก่อนโอน ถึงสำคัญต่อผู้ซื้อบ้าน    

ความสำคัญของการตรวจรับบ้านก่อนโอน

การตรวจรับบ้านก่อนโอนเป็นด่านสำคัญที่สุดสำหรับผู้ซื้อบ้านทุกคน เปรียบเสมือนการเปิดไฟฉายส่องดูทุกซอกทุกมุมของบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามสัญญาและไม่มีอะไรซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง แต่หากคุณปล่อยผ่านขั้นตอนนี้ไป อาจต้องเผชิญกับปัญหาจุกจิกกวนใจในอนาคต ตั้งแต่รอยร้าวบนผนัง ระบบไฟที่ไม่สมบูรณ์ ไปจนถึงโครงสร้างบ้านที่ไม่แข็งแรง ซึ่งอาจบานปลายกลายเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของคุณที่อาจคาดไม่ถึงได้

ดังนั้นการตรวจรับบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสบายใจ แต่เป็นการปกป้องเงินลงทุนก้อนใหญ่ของคุณอีกด้วย เพื่อให้คุณได้บ้านที่สมบูรณ์แบบและพร้อมสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างแท้จริง

สิ่งที่ต้องตรวจก่อนโอนบ้าน มีอะไรบ้าง    

ตรวจบ้านก่อนโอน ต้องดูอะไรบ้าง ? การตรวจบ้านก่อนโอนอย่างละเอียดรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องทำก่อนการเซ็นรับบ้าน โดยมีจุดตรวจ 17 จุด ที่ไม่ควรพลาดดังนี้

1. เปรียบเทียบตัวบ้านกับแปลนบ้าน

การเปรียบเทียบตัวบ้านกับแปลนบ้าน

การเปรียบเทียบตัวบ้านกับแบบแปลนบ้านเป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจรับบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านที่ได้รับมอบนั้นตรงตามแบบที่ตกลงกันไว้ ที่สำคัญควรตรวจสอบขนาดและสัดส่วนของห้องต่าง ๆ ตำแหน่งของประตู หน้าต่าง และช่องเปิดต่าง ๆ รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างด้วยว่าตรงตามที่ระบุไว้ในสัญญาหรือไม่

2. พื้นที่ส่วนหน้าบ้าน        

สำหรับพื้นที่ในบ้านจะมีจุดเช็กลิสต์อยู่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น

  • ถนนหรือพื้นหน้าบ้าน ก็ควรตรวจสอบสภาพพื้นผิวว่าเรียบเสมอกันหรือไม่ มีรอยแตกร้าวหรือทรุดตัวบ้างไหม?
  • รั้วบ้าน ควรตรวจสอบความแข็งแรงของรั้วและประตูรั้วว่าอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยหรือไม่ สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ตามปกติหรือไม่?
  • ท่อระบายน้ำ ควรตรวจสอบระบบระบายน้ำว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ มีการอุดตันของท่อต่าง ๆ หรือไม่
  • ระเบียงบ้าน ควรตรวจสอบสภาพพื้นผิวของระเบียงว่าเรียบเสมอกันหรือไม่ มีรอยแตกร้าวหรือชำรุดหรือไม่?
  • สวนหน้าบ้าน ควรตรวจสอบการจัดสวนและการปลูกต้นไม้ว่าตรงตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่

3. ตรวจโครงสร้างบ้าน    

การตรวจสอบโครงสร้างบ้านเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการตรวจรับบ้าน เพราะโครงสร้างเป็นรากฐานของความแข็งแรงและปลอดภัยของบ้านทั้งหลัง หากโครงสร้างมีปัญหา อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของบ้านได้ โดยในการตรวจสอบโครงสร้างบ้าน ควรสังเกตสิ่งต่อไปนี้

  • รอยแตกร้าวบนผนังและพื้น อาจเป็นสัญญาณของปัญหาโครงสร้าง เช่น การทรุดตัวของดิน หรือการเคลื่อนตัวของโครงสร้าง
  • รอยรั่วซึมของน้ำ เพราะอาจทำให้โครงสร้างบ้านเสียหายและเกิดเชื้อราได้
  • ความแข็งแรงของเสาและคาน โดยตรวจสอบว่าเสาและคานมีรอยแตกร้าว หรือโก่งงอหรือไม่

4. หลังคาบ้าน และ ใต้หลังคาบ้าน    

การตรวจสอบหลังคาและใต้หลังคาบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพื่อให้มั่นใจว่าหลังคาจะไม่มีรอยรั่วซึมและใต้หลังคาไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างหรือเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ซึ่งอาจรบกวนการอยู่อาศัยได้ อีกทั้งก็ควรตรวจสอบสภาพกระเบื้องหลังคา รอยรั่วซึมของน้ำ และความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคาร่วมด้วย

ทั้งนี้การตรวจสอบหลังคาและใต้หลังคาบ้านเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรละเลยในการตรวจรับบ้าน เพราะหลังคาเป็นส่วนสำคัญที่ปกป้องบ้านจากสภาพอากาศภายนอก หากมีรอยรั่วซึม อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างภายในบ้านได้ในอนาคต

5. ระบบไฟฟ้าของบ้าน

ระบบไฟฟ้า

การตรวจสอบระบบไฟฟ้าก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าภายในบ้านจะทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จึงควรตรวจสอบการทำงานของสวิตช์และปลั๊กไฟ รวมถึงตรวจสอบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และตรวจสอบการเดินสายไฟว่าเรียบร้อยและปลอดภัยหรือไม่

6. สายไฟและสายดิน  

การตรวจสอบสายไฟและสายดินถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบไฟฟ้าในบ้าน เพราะเป็นปราการด่านแรกที่ช่วยป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด ไฟฟ้ารั่ว และไฟฟ้าลัดวงจร การตรวจสอบอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าระบบไฟฟ้าภายในบ้านมีความปลอดภัยและพร้อมใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

โดยควรสังเกตหาร่องรอยการชำรุด เช่น รอยแตก รอยร้าว หรือรอยฉีกขาดของฉนวนหุ้มสายไฟ หากพบร่องรอยเหล่านี้ ควรแจ้งให้ผู้ขายดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และควรตรวจสอบว่ามีการติดตั้งสายดินอย่างถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ โดยสังเกตว่ามีการเดินสายดินไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการหรือไม่ และมีการต่อสายดินลงดินอย่างถูกต้องหรือเปล่า เพื่อป้องกันอันตรายจากการเกิดไฟฟ้ารั่วนั่นเอง

7. ตรวจมิเตอร์ไฟฟ้า และ ระบบป้องกัน    

ทั้งนี้ก่อนเซ็นรับบ้านก็ควรตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าและระบบป้องกันด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าภายในบ้านจะทำงานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยควรตรวจสอบการทำงานของมิเตอร์ไฟฟ้า ตรวจสอบระบบป้องกันไฟรั่ว และตรวจสอบระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร

8.ไฟส่องสว่าง        

อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนอาจลืมให้ความสนใจ นั่นก็คือ การตรวจสอบไฟส่องสว่างต่าง ๆ  เพื่อให้มั่นใจว่าไฟส่องสว่างภายในและภายนอกบ้านจะทำงานได้ครบทั้งหมด โดยควรตรวจสอบการทำงานของหลอดไฟทุกดวง ตรวจสอบสวิตช์ไฟทุกอัน และตรวจสอบการเดินสายไฟของไฟส่องสว่างต่าง ๆ เหล่านี้

9. ปลั๊กไฟ    

ควรตรวจสอบปลั๊กไฟต่าง ๆ ภายในบ้านและรอบตัวบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าปลั๊กไฟทุกจุดในบ้านทำงานได้อย่างปกติ โดยควรตรวจสอบว่าปลั๊กไฟมีรอยชำรุดหรือไม่ และมีการติดตั้งอย่างแน่นหนาหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่ามีกระแสไฟไหลผ่านปลั๊กไฟทุกจุดได้อย่างปกติโดยไม่มีไฟรั่วด้วยนั่นเอง

10. ฝ้าเพดาน

การตรวจสอบฝ้าเพดาน จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าฝ้าเพดานไม่มีรอยร้าว รอยรั่วซึม หรือร่องรอยของความเสียหายอื่น ๆ โดยควรตรวจสอบว่าฝ้าเพดานมีการติดตั้งอย่างเรียบร้อยและแน่นหนาหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่ามีร่องรอยของน้ำรั่วซึมหรือร่องรอยของสัตว์รบกวนหรือไม่?        

11. พื้นในบ้าน

การตรวจสอบพื้นบ้านเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นบ้านไม่มีรอยร้าว รอยแตก หรือร่องรอยของความเสียหายอื่น ๆ โดยเริ่มจากการตรวจสอบว่าพื้นบ้านมีการติดตั้งอย่างเรียบร้อยและเสมอกันหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่ามีร่องรอยของน้ำรั่วซึมหรือร่องรอยของความชื้นหรือไม่?

12. ผนังของบ้าน        

ผนังบ้านไม่ได้มีไว้แค่กั้นห้อง แต่ยังเป็นเหมือนผืนผ้าใบที่สะท้อนรสนิยมและความใส่ใจในรายละเอียดของเจ้าของบ้าน ทั้งนี้ก่อนเซ็นรับมอบบ้าน ให้ลองมองหารอยร้าวเล็ก ๆ รอยด่าง หรือแม้แต่สีที่ไม่สม่ำเสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ซ่อนอยู่ หากผนังมีรอยแตกร้าว ลองใช้เหรียญบาทเคาะเบา ๆ และหากได้ยินเสียงกลวง อาจหมายถึงปูนฉาบไม่แน่น หรือมีโพรงอากาศภายใน หรือหากมีรอยด่าง ให้ลองใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด หากรอยด่างไม่จางหาย อาจเป็นคราบรา หรือรอยรั่วซึมจากภายนอก ที่ต้องให้ผู้ขายดำเนินการแก้ไขก่อนรับมอบบ้านนั่นเอง

13. โทรศัพท์

ในยุคดิจิทัลที่ Wi-Fi ครอบคลุมทุกพื้นที่ สายโทรศัพท์บ้านอาจดูเหมือนสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่รู้หรือไม่ว่าสายโทรศัพท์บ้านยังคงเป็นสิ่งสำคัญในกรณีฉุกเฉิน หรือเมื่อสัญญาณโทรศัพท์มือถือขัดข้อง ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ลองตรวจสอบว่าเต้ารับโทรศัพท์ทุกจุดในบ้านใช้งานได้หรือไม่ โดยใช้โทรศัพท์บ้านเสียบและลองโทรออก หากไม่มีสัญญาณ หรือมีเสียงรบกวน อาจเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขก่อนเซ็นรับมอบบ้าน    

14. ประตู หรือ ช่องเปิดต่าง ๆ

ประตูและช่องเปิดต่าง ๆ ไม่ได้มีไว้แค่เปิดปิด แต่ยังเป็นปราการด่านแรกที่ปกป้องบ้านจากผู้บุกรุกและสภาพอากาศ ลองตรวจสอบว่าประตูและหน้าต่างทุกบานปิดได้สนิทหรือไม่ มีรอยรั่วหรือไม่ บานพับแข็งแรงหรือไม่ ลูกบิดและกลอนทำงานได้ดีหรือไม่? หากมีรอยรั่วแนะนำให้ลองใช้ไฟฉายส่องจากภายนอก หากมีแสงลอดเข้ามา แสดงว่ามีรอยรั่วที่ต้องแก้ไขก่อนนั่นเอง

15. เฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมบ้าน

เฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมบ้าน

เฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า built-in หรือชุดครัวสำเร็จรูป ควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยลองเปิดปิดลิ้นชักและบานตู้ทุกบาน ตรวจสอบรอยขีดข่วน หรือรอยแตกหัก และตรวจสอบว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น บานพับ รางเลื่อน หรือมือจับเหล่านี้ อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ และหากเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ ก็ควรลองสังเกตหาร่องรอยของปลวก หรือแมลงอื่น ๆ ที่อาจทำลายเนื้อไม้ร่วมด้วยก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหากับเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ในอนาคตได้    

16. บันไดขึ้น-ลงบ้าน

บันไดขึ้นลงบ้านเป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างชั้นต่าง ๆ ของบ้าน จึงควรตรวจสอบความแข็งแรงและความปลอดภัยของบันได โดยตรวจสอบว่าบันไดมีรอยร้าว รอยแตก หรือชำรุดหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบว่าราวบันไดมีความแข็งแรงและมั่นคงหรือไม่ และตรวจสอบว่าขั้นบันไดว่ามีความสูงและระยะห่างที่เหมาะสมหรือไม่

17. ระบบน้ำของบ้าน       

ท้ายสุดอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรพลาดในการตรวจรับบ้าน นั่นก็คือเรื่องของระบบน้ำ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บ้านสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้นจึงควรตรวจสอบระบบน้ำอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าระบบน้ำทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา โดยดูที่จุดต่าง ๆ ดังนี้

  • การระบายน้ำล้น โดยตรวจสอบว่ามีการติดตั้งระบบระบายน้ำล้นอย่างถูกต้องหรือไม่ และระบบระบายน้ำล้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเปล่า
  • การระบายน้ำตามปกติ ด้วยการตรวจสอบการระบายน้ำจากท่อระบายน้ำต่าง ๆ ว่าเป็นไปอย่างปกติหรือไม่ มีการอุดตันหรือไม่
  • การรั่วของน้ำ โดยตรวจสอบร่องรอยของการรั่วซึมของน้ำบริเวณท่อประปา ข้อต่อ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
  • ตรวจสอบแรงดันน้ำและอัตราการไหลของน้ำในแต่ละจุดว่าเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่
  • ตรวจสอบการระบายน้ำของสุขภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ชักโครก อ่างล้างหน้า และฝักบัว ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

ข้อควรระวังในการตรวจบ้าน

ข้อควรระวังในการตรวจบ้าน

การตรวจบ้านก่อนโอนเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ผู้ซื้อบ้านควรทราบ เพื่อให้การตรวจบ้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

  1. การตรวจบ้านต้องใช้เวลาและความละเอียดรอบคอบ อย่ารีบร้อนตรวจเพียงผิวเผิน เพราะอาจพลาดจุดบกพร่องสำคัญไป
  2. เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการตรวจบ้าน เช่น ไฟฉาย ตลับเมตร ระดับน้ำ ไขควง และกระดาษจดบันทึกให้พร้อม และทำการตรวจสอบทุกซอกทุกมุมของบ้านอย่างละเอียด ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงระบบไฟฟ้า ระบบประปา และโครงสร้างบ้าน
  3. อย่าละเลยจุดเล็ก ๆ เพราะจุดบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานในระยะยาวได้ 
  4. อย่าลืมทดสอบการใช้งานอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ในบ้าน เช่น สวิตช์ไฟ ปลั๊กไฟ ก๊อกน้ำ และสุขภัณฑ์
  5. จดบันทึกทุกจุดบกพร่องที่พบ พร้อมถ่ายรูปหรือวิดีโอเพื่อเป็นหลักฐาน
  6. หากไม่มั่นใจในการตรวจบ้านด้วยตนเอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น วิศวกร หรือช่างผู้ชำนาญ เพื่อช่วยในการตรวจสอบ
  7. ควรตรวจสอบบ้านในสภาพแสงที่หลากหลาย เพื่อตรวจดูว่ามีรอยร้าว รอยด่าง หรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจมองไม่เห็นในสภาพแสงเดียวหรือไม่?
  8. ที่สำคัญห้ามลืมที่จะตรวจสอบว่าบ้านมีรอยร้าวที่รุนแรงภายในหรือไม่?

จ้าง ตรวจรับบ้านก่อนโอน ราคาเท่าไหร่

ราคา จ้างตรวจบ้านก่อนโอน

การตรวจรับบ้านด้วยตนเองอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ความชำนาญ ดังนั้นการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจรับบ้านจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านที่ได้รับมอบนั้นจะมีคุณภาพและปลอดภัย

ซึ่งทั้งนี้ราคาตรวจรับบ้านก่อนโอนจะแตกต่างกันไปตามประเภทของบ้าน ขนาดพื้นที่ใช้สอย และบริษัทที่ให้บริการ โดยทั่วไปแล้วราคาจะเริ่มต้นที่หลักพันบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาท

  • ราคาตรวจรับบ้านก่อนโอน
    ราคาตรวจรับบ้านเดี่ยวโดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 4,000 ถึง 7,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ใช้สอยของบ้าน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดราคา โดยบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นมักจะมีค่าบริการที่สูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนการตรวจรับบ้านครั้งที่สอง อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 1,000 ถึง 2,000 บาท ซึ่งเป็นค่าบริการสำหรับการตรวจสอบแก้ไขจุดบกพร่องที่พบในการตรวจรับครั้งแรก

  • ราคาตรวจรับทาวน์โฮม
    ราคาตรวจรับทาวน์โฮมโดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 4,000 ถึง 5,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ครอบคลุมการตรวจรับบ้านครั้งแรก และหากมีการตรวจรับบ้านครั้งที่สอง ซึ่งเป็นการตรวจสอบแก้ไขจุดบกพร่องที่พบในการตรวจรับครั้งแรก ก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท

  • ราคาตรวจรับคอนโด
    เนื่องจากคอนโดมิเนียมมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่น้อยกว่าบ้านประเภทอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วราคาตรวจรับคอนโดจะเริ่มต้นที่เพียง 2,000 ถึง 4,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ครอบคลุมการตรวจรับครั้งแรก และหากมีการตรวจรับคอนโดครั้งที่สอง ซึ่งเป็นการตรวจสอบแก้ไขจุดบกพร่องที่พบในการตรวจรับครั้งแรก ก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 1,000 บาท

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ การตรวจบ้านก่อนโอน

เลือกตรวจรับบ้านด้วยตัวเองได้ไหม?

แน่นอนว่าคุณสามารถตรวจรับบ้านด้วยตัวเองได้ หากคุณมีความรู้และความชำนาญในการตรวจสอบบ้าน แต่หากคุณไม่มั่นใจ การจ้างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจรับบ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านที่ได้รับมอบนั้นจะมีคุณภาพและปลอดภัยได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น 

แต่หากคุณต้องการตรวจรับบ้านด้วยตนเอง ก็อย่าลืมที่จะนำอุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับการตรวจบ้านไปด้วยดังนี้
ตลับเมตร สำหรับวัดขนาดและสัดส่วนของห้องต่าง ๆ

  1. ระดับน้ำ สำหรับตรวจสอบความเรียบเสมอกันของพื้นและผนัง
  2. ไฟฉาย สำหรับส่องดูในที่มืดหรือที่ที่เข้าถึงยาก
  3. ไขควง สำหรับตรวจสอบการทำงานของสวิตช์และปลั๊กไฟ
  4. กระดาษจดบันทึกและปากกาสำหรับจดบันทึกจุดบกพร่องที่พบ
  5. กล้องถ่ายรูปหรือวิดีโอ สำหรับถ่ายรูปหรือวิดีโอจุดบกพร่องเพื่อเป็นหลักฐาน
  6. ลูกบอลขนาดเล็กไว้สำหรับลองกลิ้งดูว่าพื้นเรียบเสมอกันหรือไม่
  7. สติกเกอร์ไว้สำหรับมาร์กจุดที่พบปัญหา
  8. ปลั๊กไฟพ่วงไว้สำหรับลองเสียบปลั๊กไฟตามจุดต่างๆ

ต้องตรวจบ้านก่อนโอน หรือ หลังโอน?

ควรตรวจบ้านก่อนโอนกรรมสิทธิ์ เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายในการตรวจสอบความถูกต้องและความเรียบร้อยของบ้าน หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องใด ๆ จะได้แจ้งให้ผู้ขายแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนที่จะรับมอบบ้าน เพราะหากตรวจหลังโอนกรรมสิทธิ์แล้วพบปัญหา ผู้ซื้อบ้านอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแก้ไขด้วยตนเอง 

สรุป 

การตรวจรับบ้านก่อนโอนเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ซื้อบ้านทุกคน เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านที่ได้รับมอบนั้นมีคุณภาพและปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าบ้านที่คุณกำลังจะซื้อนั้นตรงตามแบบแปลนและข้อตกลงที่ทำไว้กับโครงการ มากไปกว่านั้นยังช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย

หากคุณกำลังมองหาบ้านที่มีคุณภาพและใส่ใจในทุกรายละเอียด Frasers Property Home มีโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่หลากหลาย พร้อมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ ด้วยมาตรฐานการก่อสร้างที่ใส่ใจในรายละเอียด และบริการหลังการขายที่พร้อมดูแลคุณอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ Frasers Property Home เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่ที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติของการใช้ชีวิต