การมีบ้านเป็นของตัวเองถือเป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิตของใครหลายคน แต่การกู้ซื้อบ้านก็มาพร้อมกับภาระหนี้สินระยะยาวที่อาจสร้างความกังวลใจได้ "ประกันMRTA" หรือประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน จึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้คุณและครอบครัวอุ่นใจได้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
เพื่อให้คุณได้เข้าใจถึงประโยชน์และความสำคัญของ MRTA มากยิ่งขึ้น Frasers Property Home จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประกันชีวิตประเภทนี้ พร้อมทั้งข้อดีที่หลายคนอาจมองข้าม ติดตามกันต่อเลย!
ประกัน MRTA คืออะไร?
ประกัน MRTA หรือ ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน คือประกันชีวิตประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองภาระหนี้สินที่เหลืออยู่ของสินเชื่อบ้าน หากผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง โดยบริษัทประกันจะเป็นผู้ชำระหนี้ส่วนที่เหลือให้กับสถาบันการเงิน ทำให้ครอบครัวของผู้กู้ไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินต่อ
ตัวอย่าง
คุณ A กู้ซื้อบ้านเป็นเงิน 3,000,000 บาท โดยทำประกัน MRTA ควบคู่ไปด้วย หลังจากผ่อนชำระไปได้ 5 ปี คุณ A ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต บริษัทประกันก็จะจ่ายเงินจำนวนหนี้ที่เหลืออยู่ให้กับธนาคาร ทำให้ครอบครัวของคุณ A ไม่ต้องรับภาระหนี้สินต่อ
ประกัน MRTA มีกี่แบบ? อะไรบ้าง?
ประกัน MRTA ไม่ได้มีรูปแบบที่ซับซ้อนอย่างที่คิด โดยหลัก ๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะการคุ้มครอง เพื่อให้คุณเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการและภาระหนี้สินของคุณ
1. คุ้มครองแบบคงที่
ประกัน MRTA แบบคงที่ จะให้ความคุ้มครองในวงเงินที่เท่ากันตลอดระยะเวลาของสัญญา ไม่ว่ายอดหนี้คงเหลือจะลดลงไปเท่าใดก็ตาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองเต็มจำนวนของวงเงินกู้ตลอดเวลา หรือผู้ที่ต้องการความมั่นใจสูงสุดว่าครอบครัวจะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่
ตัวอย่างเช่น หากคุณกู้เงิน 3,000,000 บาท ประกัน MRTA แบบคงที่จะให้ความคุ้มครอง 3,000,000 บาท ตลอดระยะเวลาสัญญา แม้ว่ายอดหนี้จะลดลงเหลือ 1,000,000 บาทแล้วก็ตาม
2. คุ้มครองแบบลดหลั่นตามยอดหนี้คงเหลือ
ประกัน MRTA ประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองในวงเงินที่ลดลงตามยอดหนี้คงเหลือของสินเชื่อบ้าน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน เนื่องจากเบี้ยประกันจะลดลงตามวงเงินคุ้มครองที่ลดลง
ตัวอย่างเช่น หากคุณกู้เงิน 3,000,000 บาท ประกัน MRTA แบบลดหลั่นจะให้ความคุ้มครอง 3,000,000 บาท ในช่วงแรก และจะค่อย ๆ ลดลงตามยอดหนี้ที่ลดลง
ประกัน MRTA คุ้มครองอะไรบ้าง?
ประกัน MRTA หรือประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองภาระหนี้สินที่เหลืออยู่ของผู้กู้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น โดยความคุ้มครองหลัก ๆ มีดังนี้
- กรณีเสียชีวิต หากผู้กู้เสียชีวิตในช่วงระยะเวลาคุ้มครอง บริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยตามจำนวนหนี้สินที่เหลืออยู่ให้กับสถาบันการเงิน ทำให้ครอบครัวของผู้กู้ไม่ต้องรับภาระหนี้สินต่อ
- กรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หากผู้กู้ตกเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงในช่วงระยะเวลาคุ้มครอง บริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยตามจำนวนหนี้สินที่เหลืออยู่ให้กับสถาบันการเงินเช่นกัน
ตัวอย่าง
นาย ก. กู้ซื้อบ้านเป็นเงิน 3,000,000 บาท และทำประกัน MRTA ควบคู่ไปด้วย หลังจากผ่อนชำระไปได้ 10 ปี นาย ก. ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต บริษัทประกันจะจ่ายเงินจำนวนหนี้ที่เหลืออยู่ให้กับธนาคาร ทำให้ครอบครัวของนาย ก. ไม่ต้องรับภาระหนี้สินต่อ
ข้อดี ประกัน MRTA
- ช่วยลดภาระหนี้สินของครอบครัว หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ประกัน MRTA จะช่วยชำระหนี้สินที่เหลืออยู่ ทำให้ครอบครัวไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินต่อ
- ช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจและอุ่นใจได้ว่าครอบครัวของคุณจะได้รับการคุ้มครอง หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
- บางสถาบันการเงินอาจเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับผู้ที่ทำประกัน MRTA
- เบี้ยประกัน MRTA สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร
ข้อจำกัดของประกัน MRTA
- ประกัน MRTA คุ้มครองเฉพาะหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อบ้านเท่านั้น ไม่ครอบคลุมหนี้สินอื่น ๆ
- สำหรับประกัน MRTA แบบลดหลั่น มูลค่าความคุ้มครองจะลดลงตามยอดหนี้คงเหลือ
- ประกัน MRTA มีเงื่อนไขและข้อยกเว้นที่ต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนตัดสินใจทำประกัน
ประกัน MRTA คุ้มครองสินเชื่อบ้าน ราคาเท่าไหร่?
ราคาของประกัน MRTA ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- วงเงินสินเชื่อ กรณีเลือกวงเงินสินเชื่อที่สูงขึ้นก็จะทำให้เบี้ยประกันราคาสูงขึ้น
- ระยะเวลาผ่อนชำระที่นานขึ้นจะทำให้เบี้ยประกันสูงขึ้น
- ผู้ที่มีอายุมากหรือมีปัญหาสุขภาพอาจต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงขึ้น
- ประกัน MRTA แบบคงที่มักมีเบี้ยประกันสูงกว่าแบบลดหลั่น
ตัวอย่างที่ 1
นาย ก. อายุ 35 ปี กู้ซื้อบ้าน 3,000,000 บาท ระยะเวลาผ่อน 20 ปี เบี้ยประกัน MRTA แบบลดหลั่น อาจอยู่ที่ประมาณ 50,000 - 100,000 บาท (ชำระครั้งเดียว)
ตัวอย่างที่ 2
นาย ข. อายุ 45 ปี กู้ซื้อบ้าน 5,000,000 บาท ระยะเวลาผ่อน 15 ปี เบี้ยประกัน MRTA แบบคงที่ อาจอยู่ที่ประมาณ 150,000 - 250,000 บาท (ชำระครั้งเดียว)
ประกัน mrta ที่ไหนดี มีข้อควรพิจารณาอะไรบ้าง?
การเลือกประกัน MRTA ที่ดีและเหมาะสมกับความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าและอุ่นใจที่สุด นี่คือข้อควรพิจารณาที่คุณควรนำมาประกอบการตัดสินใจ
- ควรเลือกบริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียงมั่นคงทางการเงิน และมีประวัติการจ่ายเคลมที่ดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการคุ้มครองตามสัญญา
- ศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นของกรมธรรม์อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงความคุ้มครองที่จะได้รับและข้อจำกัดต่าง ๆ
- เปรียบเทียบความคุ้มครองของแต่ละบริษัท เช่น วงเงินคุ้มครอง ระยะเวลาคุ้มครอง และความคุ้มครองเพิ่มเติม (ถ้ามี) รวมทั้งเปรียบเทียบเบี้ยประกันของแต่ละบริษัท เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณ
- เลือกบริษัทที่มีบริการหลังการขายที่ดี เช่น ช่องทางการติดต่อที่สะดวก รวดเร็ว และมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำปรึกษาอยู่เสมอ
ตัวอย่างประกัน MRTA จากธนาคารต่าง ๆ
- ประกัน MRTA ธอส. (ธนาคารอาคารสงเคราะห์)
- ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์)
- ประกัน MRTA ออมสิน (ธนาคารออมสิน)
ประกัน MRTA เหมาะกับใครบ้าง?
ประกัน MRTA เหมาะสำหรับบุคคลดังต่อไปนี้
- ผู้กู้ซื้อบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวหรือผู้ที่มีภาระหนี้สินสูง เพื่อลดความเสี่ยงที่ครอบครัวจะต้องแบกรับภาระหนี้สิน หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
- ผู้ที่มีภาระหนี้สินระยะยาว เช่น ผู้ที่กู้ซื้อคอนโดมิเนียม หรือผู้ที่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับครอบครัวว่าภาระหนี้สินจะไม่ตกเป็นของพวกเขา
- ผู้ที่ต้องการความอุ่นใจว่าครอบครัวจะได้รับการคุ้มครองทางการเงิน หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ข้อควรรู้ก่อนทำ ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน MRTA
ก่อนตัดสินใจทำประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน MRTA มีข้อควรรู้หลายประการที่ควรพิจารณา เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
- โดยควรมีความเข้าใจในประเภทของ MRTA ว่ามี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ แบบคุ้มครองคงที่และแบบคุ้มครองลดหลั่นตามยอดหนี้คงเหลือ ดังนั้นจึงควรเลือกประเภทที่ตรงกับความต้องการและภาระหนี้ของคุณ
- การพิจารณาความคุ้มครอง โดยตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มครองอย่างละเอียด รวมถึงเงื่อนไขและข้อยกเว้นต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าครอบคลุมความเสี่ยงที่คุณต้องการ
- เปรียบเทียบเบี้ยประกันจากหลายบริษัท เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ
- อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องการยกเลิกกรมธรรม์และการเวนคืนกรมธรรม์
- เลือกบริษัทประกันที่มีชื่อเสียงมั่นคงทางการเงิน และมีประวัติการจ่ายเคลมที่ดี
- ตรวจสอบเงื่อนไขการนำเบี้ยประกัน MRTA ไปลดหย่อนภาษี เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
- การศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียดจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกประกัน MRTA ที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของคุณได้อย่างมั่นใจ
คำถามที่พบบ่อย
ประกัน MRTA คุ้มครองยาวนานแค่ไหน?
ระยะเวลาความคุ้มครองของประกัน MRTA จะสอดคล้องกับระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อบ้านของคุณ โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มต้นตั้งแต่ระยะเวลา 5 ปี ไปจนถึง 30 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันและสถาบันการเงิน
ทําประกัน MRTA ดีหรือไม่?
การตัดสินใจว่าจะทำประกัน MRTA หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินและความต้องการของคุณ หากคุณเป็นหัวหน้าครอบครัว หรือมีภาระหนี้สินสูง การทำประกัน MRTA จะช่วยลดความเสี่ยงที่ครอบครัวจะต้องแบกรับภาระหนี้สินต่อ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
แต่ถ้าคุณมีเงินสำรองเพียงพอ หรือมีประกันชีวิตประเภทอื่นที่ครอบคลุมภาระหนี้สินแล้ว การทำประกัน MRTA ก็อาจไม่จำเป็นสำหรับคุณนั่นเอง
MLTA กับ MRTA ต่างกันยังไง?
ประกัน MLTA และ MRTA เป็นประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อบ้าน แต่มีความแตกต่างกันในด้านความคุ้มครองและผลประโยชน์ ดังนี้
MRTA (Mortgage Reducing Term Assurance)
- เป็นประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านที่ทุนประกันจะลดลงตามยอดหนี้คงเหลือ
- เบี้ยประกันมักจะถูกกว่า MLTA
- ผลประโยชน์จะถูกจ่ายให้กับสถาบันการเงินโดยตรง
MLTA (Mortgage Level Term Assurance)
- เป็นประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านที่ทุนประกันจะคงที่ตลอดระยะเวลาคุ้มครอง
- เบี้ยประกันมักจะสูงกว่า MRTA
- ผลประโยชน์จะถูกจ่ายให้กับผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้
ทำประกัน MRTAไปแล้ว สามารถ เวนคืนได้ไหม?
โดยทั่วไปแล้ว ประกัน MRTA สามารถเวนคืนได้ แต่จำนวนเงินที่จะได้รับคืนจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้และเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน ซึ่งมูลค่าเวนคืนมักจะลดลงตามระยะเวลาที่ผ่านไป
ตัวอย่างการคำนวณเวนคืน
สมมติว่าคุณทำประกัน MRTA แบบลดหลั่น วงเงินคุ้มครอง 3,000,000 บาท ระยะเวลา 20 ปี และจ่ายเบี้ยประกันไปแล้ว 100,000 บาท หากคุณต้องการเวนคืนกรมธรรม์หลังจาก 5 ปี บริษัทประกันอาจคำนวณมูลค่าเวนคืนโดยพิจารณาจาก
- ยอดหนี้คงเหลือ ณ ปัจจุบัน
- จำนวนเบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้ว
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว คุณอาจได้รับเงินคืนประมาณ 30-50% ของเบี้ยประกันที่จ่ายไปทั้งหมด แต่ตัวเลขนี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
ประกัน MRTA ให้ความคุ้มครองวงเงินสูงเท่าไร?
โดยทั่วไปแล้ว วงเงินประกัน MRTA จะถูกกำหนดให้เท่ากับ หรือมากกว่าวงเงินสินเชื่อบ้านที่คุณได้รับ เพื่อให้ครอบคลุมภาระหนี้สินที่เหลืออยู่ทั้งหมดในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน อย่างไรก็ตาม รูปแบบของวงเงินประกันจะแตกต่างกันไปตามประเภทของ MRTA ที่คุณเลือก
- MRTA แบบลดหลั่น วงเงินประกันจะค่อย ๆ ลดลงตามยอดหนี้คงเหลือ ซึ่งสอดคล้องกับการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านของคุณ
- MRTA แบบคงที่ วงเงินประกันจะคงที่ตลอดระยะเวลาคุ้มครอง ไม่ว่ายอดหนี้คงเหลือจะลดลงไปเท่าใดก็ตาม
ดังนั้น การเลือกประเภทของ MRTA จะส่งผลต่อรูปแบบของวงเงินประกันที่คุณจะได้รับ
ประกัน MRTA มีอัตราดอกเบี้ยไหม?
ประกัน MRTA นั้นไม่มี "อัตราดอกเบี้ย" เหมือนกับการกู้เงิน แต่จะมี "เบี้ยประกัน" ที่ต้องจ่าย ซึ่งเบี้ยประกันนี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- วงเงินสินเชื่อ
- ระยะเวลาผ่อนชำระ
- อายุและสุขภาพของผู้กู้
ประเภทของประกัน MRTA (แบบคงที่หรือแบบลดหลั่น)
อย่างไรก็ตามบางครั้งสถาบันการเงินอาจเสนอ "อัตราดอกเบี้ยพิเศษ" สำหรับสินเชื่อบ้าน หากคุณทำประกัน MRTA ควบคู่ไปด้วย ซึ่งเป็นเหมือนโปรโมชั่นส่งเสริมการขายนั่นเอง
ทำประกัน MRTA แล้วต้องการรีไฟแนนซ์ ต้องทำยังไง?
เมื่อคุณตัดสินใจรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน คุณมีทางเลือกในการจัดการประกัน MRTA ดังนี้
- เปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์
โดยคุณสามารถแจ้งให้บริษัทประกันเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์จากธนาคารเดิมเป็นธนาคารใหม่ที่ทำการรีไฟแนนซ์ได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณยังคงได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องทำประกันใหม่
ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะสำหรับกรมธรรม์ MRTA ที่ยังมีทุนประกันครอบคลุมวงเงินทั้งหมดหลังรีไฟแนนซ์ หรือผู้ที่ไม่ต้องการเสียเงินทำประกันเพิ่มอีกแต่ก็ยังต้องการให้มีประกันเดิมเอาไว้ให้อุ่นใจ
- เวนคืนกรมธรรม์
โดยคุณสามารถเวนคืนกรมธรรม์ MRTA เดิมและนำเงินที่ได้รับไปทำประกันใหม่กับสถาบันการเงินที่รีไฟแนนซ์ได้
วิธีนี้จะเหมาะสำหรับกรมธรรม์ MRTA ที่มีเงินเวนคืนมากพอสำหรับการนำไปทำประกันกับธนาคารที่รีไฟแนนซ์ใหม่ หรือผู้ที่ไม่ต้องการทำประกันแล้วและต้องการจะนำเงินก้อนไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ แทน
สรุป
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน MRTA เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้กับผู้กู้ซื้อบ้าน โดยทำหน้าที่เป็นหลักประกันในการชำระหนี้สินเชื่อบ้านที่คงเหลืออยู่ ในกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ทำให้ภาระหนี้ไม่ตกเป็นของครอบครัวหรือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ MRTA ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ช่วยให้ได้รับวงเงินกู้ที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง และสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว Frasers Property Home มี โครงการบ้านเดี่ยวคุณภาพใจกลางเมือง หลากหลายรูปแบบ พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนในทุกขั้นตอนของการเป็นเจ้าของบ้านหลังแรก