รวมวิธีแก้ห้องเหม็นอับ ง่าย ๆ ทำตามได้จริง

ปัญหาห้องเหม็นอับ เป็นสิ่งที่สร้างความไม่สบายใจและบั่นทอนบรรยากาศภายในห้องอย่างมากและก็ไม่รู้จะแก้ห้องเหม็นอับยังไงดี ซึ่งกลิ่นอับชื้นไม่เพียงทำให้ห้องไม่น่าอยู่ แต่ยังอาจเป็นสัญญาณของการสะสมเชื้อรา แบคทีเรีย และความชื้นส่วนเกินที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนในบ้านด้วย หากปล่อยไว้นานอาจก่อให้เกิดปัญหาทั้งด้านกลิ่นและคุณภาพอากาศที่ยากต่อการแก้ไข

Frasers Property เข้าใจว่าปัญหากวนใจนี้แม้จะพยายามแก้หลายครั้งก็ยังกลับมาได้เสมอ จึงได้รวบรวม วิธีแก้ห้องเหม็นอับแบบง่าย ๆ ที่สามารถทำตามได้จริง เพื่อช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ห้องของคุณกลับมาหอมสดชื่น น่าอยู่ และสร้างบรรยากาศสบายตลอดทั้งวันได้อีกครั้ง

ห้องเหม็นอับ เกิดจากอะไร?

สาเหตุ ห้องเหม็นอับ

ห้องเหม็นอับเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ไม่ยาก หากทราบสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งจริง ๆ แล้วมักเกิดจากปัจจัยเหล่านี้

  • การระบายอากาศไม่เพียงพอ: ห้องที่อากาศไม่ถ่ายเทหรือไม่มีช่องระบายอากาศ อากาศจะหมุนเวียนได้ไม่สะดวก ทำให้ความชื้นและกลิ่นต่าง ๆ อับอยู่ภายในห้อง

  • ความชื้นสะสม: สาเหตุหลักของกลิ่นอับมาจากความชื้นที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจากเสื้อผ้าที่ตากในห้อง, รอยรั่วซึมตามผนัง, หรือความชื้นในอากาศจากสภาพแวดล้อม

  • การจัดเก็บของที่ไม่เหมาะสม: การนำเสื้อผ้า รองเท้า หรือสิ่งของที่ยังเปียกหรือชื้นไปเก็บในตู้หรือพื้นที่ปิดทึบ ทำให้เกิดกลิ่นอับสะสมและแพร่กระจายไปยังสิ่งของอื่น ๆ ได้

  • เชื้อราและแบคทีเรีย: ความชื้นที่สะสมเป็นเวลานานจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับที่รุนแรงและยากที่จะกำจัด

  • กลิ่นสะสมจากแหล่งต่าง ๆ: กลิ่นจากสัตว์เลี้ยง กลิ่นจากการทำอาหาร หรือกลิ่นบุหรี่ที่ติดอยู่ตามผ้า พรม และเฟอร์นิเจอร์ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ห้องมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

กลิ่นอับส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร?

 

ปัญหาห้องเหม็นอับไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญใจ แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เนื่องจากกลิ่นอับมักเป็นสัญญาณของการสะสมของเชื้อรา, แบคทีเรีย และไรฝุ่น ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและสุขภาพโดยรวมได้ในหลายมิติ ดังนี้

  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ: การสูดดมสปอร์ของเชื้อราที่อยู่ในอากาศอาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น จาม, คัดจมูก, ไอ, หรือมีอาการหอบหืดกำเริบในผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคหืดอยู่แล้ว

  • อาการระคายเคือง: สารก่อภูมิแพ้ที่ลอยอยู่ในอากาศสามารถทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนัง มีผื่น หรือมีอาการแสบตาและน้ำตาไหลได้

  • อาการเจ็บป่วยทั่วไป: ผู้ที่อยู่ในห้องที่มีกลิ่นอับเป็นเวลานานอาจมีอาการปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, ไม่มีสมาธิ หรือรู้สึกไม่สบายตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ

  • ปัญหาสุขภาพจิต: สภาพแวดล้อมที่ไม่น่าอยู่และไม่สดชื่นจากกลิ่นอับ อาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์และทำให้รู้สึกหดหู่ได้

8 วิธีแก้ห้องเหม็นอับ

1. เปิดหน้าต่างและประตูเพื่อระบายอากาศ

การเปิดหน้าต่างและประตูเพื่อระบายอากาศ

เปิดหน้าต่าง ประตู และช่องระบายอากาศทุกบาน เพื่อให้ลมพัดผ่านและหมุนเวียนอากาศอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 15–30 นาที หรือมากกว่านั้นหากอากาศภายนอกถ่ายเทได้ดี การทำเช่นนี้จะช่วยลดความชื้นและกลิ่นอับออกจากห้อง พร้อมนำอากาศใหม่ที่สดชื่นเข้ามาแทนที่ 

ข้อดีของการแก้ห้องเหม็นอับด้วยวิธีนี้ คือ เป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว และไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ทั้งยังช่วยลดการสะสมของเชื้อรา ฝุ่นละออง รวมถึงเชื้อโรคที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอับชื้น ยิ่งหากเปิดพัดลมหรือพัดลมดูดอากาศร่วมด้วยก็จะยิ่งทำให้การไหลเวียนอากาศมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

2. ใช้ตัวดูดความชื้นแบบเม็ด

วางตัวดูดความชื้นแบบเม็ดในตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก หรือมุมห้องที่มักมีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำหรือห้องเก็บของ โดยควรหมั่นตรวจสอบและเปลี่ยนใหม่เมื่อเม็ดดูดความชื้นเต็ม เพื่อให้การดูดซับความชื้นเกิดขึ้นต่อเนื่องและเต็มประสิทธิภาพ 

ข้อดีของการแก้ห้องเหม็นอับด้วยวิธีนี้ คือ วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ถึงต้นเหตุของกลิ่นอับ ทำให้ห้องแห้งขึ้น และยังช่วยป้องกันเชื้อราที่อาจก่อให้เกิดคราบดำบนผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันความเสียหายของเสื้อผ้า หนังสือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากความชื้นที่อาจกัดกร่อนชิ้นส่วนภายในได้อีกด้วย

3. ทำความสะอาดและซักผ้าปูที่นอน

การทำความสะอาดและซักผ้าปูที่นอน

ซักผ้าปูที่นอน ผ้าม่าน พรมเช็ดเท้า รวมถึงเสื้อผ้าที่ใช้แล้วให้สะอาดทันที และควรหมั่นทำความสะอาดพื้นห้องและเฟอร์นิเจอร์เพื่อกำจัดแหล่งสะสมของกลิ่นและแบคทีเรียที่ซ่อนอยู่

ข้อดีของการแก้ห้องเหม็นอับด้วยวิธีนี้ คือ ช่วยกำจัดต้นตอของกลิ่นและเชื้อโรคได้อย่างหมดจด ทำให้ห้องของคุณกลับมาสะอาด มีสุขอนามัยที่ดี และน่าอยู่ยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน

4. ใช้ถ่านไม้ในการดูดกลิ่น

นำถ่านไม้มาใส่ถุงผ้าหรือภาชนะเล็ก ๆ แล้วนำไปวางไว้ในจุดที่ต้องการดับกลิ่น เช่น ในตู้เสื้อผ้า, ห้องน้ำ หรือมุมห้องที่อับชื้น และควรนำไปตากแดดเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ถ่านกลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง

ข้อดีของการแก้ห้องเหม็นอับด้วยวิธีนี้ คือ เป็นวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการดูดซับกลิ่นและสารเคมีในอากาศโดยไม่ต้องใช้น้ำหอมฉีดพ่น และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

5. ใช้เบกกิ้งโซดาเป็นตัวดูดกลิ่น

การใช้เบกกิ้งโซดาเป็นตัวดูดกลิ่น

โรยผงเบกกิ้งโซดาลงบนพรมหรือในกล่องที่เปิดฝา แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกทั้งหมด หรือนำเบกกิ้งโซดาใส่ถ้วยเล็ก ๆ ไปวางไว้ตามมุมห้องต่าง ๆ

ข้อดีของการแก้ห้องเหม็นอับด้วยวิธีนี้ คือ เป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัย ช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีเยี่ยม และยังใช้ทำความสะอาดคราบต่าง ๆ รวมถึงพื้นผิวที่ต้องการขจัดกลิ่นได้อีกด้วย

6. ใช้กากกาแฟตากแห้ง

การใช้กากกาแฟตากแห้ง

นำกากกาแฟที่ใช้แล้วไปตากแดดให้แห้งสนิท จากนั้นนำมาใส่ภาชนะที่เปิดฝาแล้วนำไปวางไว้ในห้องเพื่อช่วยดูดกลิ่นอับและให้กลิ่นกาแฟหอมอ่อน ๆ เหล่านี้ไปแทนที่กลิ่นความเหม็นอับ

ข้อดีของการแก้ห้องเหม็นอับด้วยวิธีนี้ คือ เป็นการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ในครัวเรือนได้อย่างคุ้มค่า และให้กลิ่นหอมแบบธรรมชาติที่ไม่ฉุนจนเกินไป ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายได้

7. ตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำ

การตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำ

สำรวจผนัง เพดาน และท่อน้ำภายในห้องว่ามีรอยรั่วซึมหรือไม่ และตรวจสอบร่องรอยความชื้นตามขอบหน้าต่างหรือใต้ซิงค์น้ำ หากพบปัญหาเหล่านี้ ควรรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญเลยที่ทำให้เกิดกลิ่นอับ

ข้อดีของการแก้ห้องเหม็นอับด้วยวิธีนี้ คือ เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอย่างถาวร ทำให้ปัญหาไม่กลับมาเกิดขึ้นซ้ำอีก และยังช่วยป้องกันความเสียหายของโครงสร้างอาคารที่อาจเกิดจากน้ำรั่วซึมในระยะยาวได้

8. ใช้สเปรย์ปรับอากาศจากธรรมชาติ

การใช้สเปรย์ปรับอากาศจากธรรมชาติ

ทำสเปรย์ปรับอากาศเองจากน้ำเปล่าผสมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่คุณชอบ แล้วนำไปฉีดพ่นในห้องเพื่อดับกลิ่นและเพิ่มความหอมสดชื่นทดแทนการใช้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทั่วไป

ข้อดีของการแก้ห้องเหม็นอับด้วยวิธีนี้ คือ เป็นการใช้กลิ่นหอมจากธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ทำให้คุณสามารถควบคุมส่วนผสมได้เอง และยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในแบบที่คุณต้องการ

How to ป้องกันไม่ให้ห้องเหม็นอับ

How to ป้องกันไม่ให้ห้องเหม็นอับ

การป้องกันกลิ่นอับเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและได้ผลดีกว่าการแก้ไขเมื่อกลิ่นเกิดขึ้นแล้ว เพียงใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ก็ช่วยให้ห้องของคุณมีบรรยากาศที่สดชื่นได้อยู่เสมอ

  • เปิดหน้าต่างระบายอากาศเป็นประจำ: โดยควรเปิดหน้าต่างและประตูอย่างน้อยวันละ 15–30 นาที โดยเฉพาะช่วงเช้าที่อากาศยังเย็นและบริสุทธิ์ เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดความชื้น และขับกลิ่นอับออกจากห้อง

  • ควบคุมความชื้นภายในห้อง: โดยใช้เครื่องดูดความชื้นหรือวางถุงดูดความชื้นตามมุมอับต่าง ๆ เพื่อลดระดับความชื้น ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของเชื้อราและกลิ่นไม่พึงประสงค์

  • หลีกเลี่ยงการนำของเปียกเข้าห้อง: อย่านำเสื้อผ้าที่ตากไม่แห้ง หรือผ้าเช็ดตัวที่ยังชื้นมาวางทิ้งไว้ในห้อง เพราะจะเพิ่มความชื้นและทำให้เกิดกลิ่นอับได้ง่าย

  • ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ: หมั่นทำความสะอาดพื้น เฟอร์นิเจอร์ ผ้าปูที่นอน และผ้าม่านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่น แบคทีเรีย และเชื้อราที่เป็นแหล่งกำเนิดกลิ่น

  • ใช้ตัวช่วยในการหมุนเวียนอากาศ: นอกจากการเปิดหน้าต่างแล้ว การเปิดพัดลมหรือพัดลมระบายอากาศก็ช่วยให้อากาศไหลเวียนดีขึ้น ลดการสะสมของกลิ่นอับได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

  • ตรวจสอบแหล่งความชื้นที่ซ่อนอยู่: สำรวจมุมอับ ใต้ซิงก์ หรือบริเวณที่เครื่องปรับอากาศที่มักมีน้ำหยดหรือรั่วซึม หากพบรอยรั่วเล็ก ๆ ควรรีบแก้ไขทันที เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและกลิ่นอับในระยะยาว

หากทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ห้องของคุณจะคงความสดชื่น น่าอยู่ และปลอดกลิ่นอับกวนใจ โดยไม่ต้องเสียแรงหรือค่าใช้จ่ายในการกำจัดกลิ่นในภายหลังเลยล่ะ

บทสรุป 

ปัญหาห้องเหม็นอับสามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงและเลือกวิธีจัดการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดกลิ่นเฉพาะหน้าหรือการป้องกันระยะยาวด้วยการควบคุมความชื้นและการระบายอากาศที่ดี การดูแลห้องในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอจะช่วยให้คุณและครอบครัวใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างสบายใจและมีสุขภาพที่ดี

บ้านจาก Frasers Property ใส่ใจในทุกมิติของการอยู่อาศัย จึงออกแบบพื้นที่ให้มีการถ่ายเทอากาศและรับแสงธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม เพื่อลดความอับชื้นตั้งแต่ต้นทาง อีกทั้งยังเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ช่วยป้องกันการสะสมของความชื้น ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าบ้านจาก Frasers Property จะมอบบรรยากาศที่สดชื่น โปร่งสบาย และน่าอยู่ให้กับคุณและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน

สอบถามข้อมูลการออกแบบตัวบ้านและโครงการบ้านต่าง ๆ เพิ่มเติม ติดต่อ โทร. 1520 หรือทาง Facebook: Frasers Property Home และ LINE: @frasershome