เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ความชื้นและน้ำฝนมักนำมาซึ่งปัญหาที่อาจสร้างความเสียหายให้บ้านมากกว่าที่คาด ไม่ว่าจะเป็นน้ำรั่วซึม เชื้อราบนผนัง หรือความเสียหายที่กระทบทั้งโครงสร้างและความสวยงามของบ้าน การดูแลบ้านในช่วงนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
บทความนี้ Frasers Property มีคู่มือครบถ้วนที่จะช่วยให้คุณเตรียมบ้านให้พร้อมรับมือกับหน้าฝนอย่างถูกวิธี ลดความเสี่ยงจากความเสียหาย และคงสภาพบ้านให้แข็งแรง น่าอยู่ ได้ตลอดทั้งปี มาฝากกัน
รวม 13 ขั้นตอนดูแลบ้านช่วงหน้าฝน
การเตรียมพร้อมบ้านให้รับมือกับหน้าฝนเป็นเรื่องสำคัญที่ควรทำก่อนฤดูฝนมาถึง เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมา ซึ่ง 13 ขั้นตอนต่อไปนี้จะช่วยให้บ้านของคุณแข็งแรงและปลอดภัยตลอดช่วงหน้าฝน
1. สำรวจสภาพหลังคา ฝ้า และผนัง
หลังคาและฝ้าเพดาน เป็นด่านแรกที่ต้องรับมือกับน้ำฝนโดยตรง จึงควรตรวจหารอยร้าว รอยรั่วซึม หรือกระเบื้องที่แตกหัก รวมถึงบริเวณรอยต่อต่าง ๆ อย่างละเอียด หากพบปัญหาควรรีบแก้ไขทันที ด้วยการยาแนวรอยต่อด้วยวัสดุกันซึม
หรือเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาที่เสียหาย ส่วนผนังบ้านควรสำรวจหารอยแตกเล็ก ๆ ที่อาจทำให้น้ำซึมเข้ามาได้ และทำการซ่อมแซม โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อของประตูและหน้าต่าง ก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูฝน
2. ทำความสะอาดรางน้ำฝน
หากรางน้ำฝนเกิดการอุดตันจากเศษใบไม้หรือสิ่งสกปรก น้ำฝนอาจไหลย้อนหรือล้นออกมาจนสร้างความเสียหายต่อผนังและโครงสร้างบ้านได้ จึงควรหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อให้น้ำไหลลงท่อระบายน้ำได้อย่างราบรื่น โดยสามารถใช้ไม้กวาดหรือสายยางฉีดน้ำแรงดันสูงช่วยกำจัดสิ่งอุดตันได้สะดวกและรวดเร็ว
3. หลีกเลี่ยงการปล่อยให้ท่อระบายน้ำอุดตัน
ท่อระบายน้ำที่อุดตันอาจทำให้น้ำขัง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จึงควรหมั่นตรวจสอบและทำความสะอาดท่อระบายน้ำรอบบ้าน รวมถึงท่อในห้องน้ำและห้องครัว โดยใช้สารเคมีหรืออุปกรณ์ทะลวงท่อ เพื่อให้ระบบระบายน้ำทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและลดปัญหาแมลงมารบกวน
4. คว่ำภาชนะที่มีน้ำฝนขัง
ในช่วงหน้าฝน ภาชนะรอบบ้านมักมีน้ำฝนขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จึงควรตรวจสอบและคว่ำภาชนะที่ไม่ใช้ เช่น กระถางต้นไม้เก่า ถังน้ำ หรือยางรถยนต์ พร้อมทั้งเทน้ำที่ขังในจานรองกระถางต้นไม้ออกเป็นประจำ เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคไข้เลือดออก
5. ตัดหรือทอนกิ่งไม้ใหญ่ใกล้ตัวบ้าน
กิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวบ้านอาจหักโค่นลงมาสร้างความเสียหายในช่วงที่มีลมพายุได้ จึงควรตัดแต่งกิ่งไม้ที่เสี่ยงจะหัก รวมถึงต้นไม้ที่อยู่ใกล้สายไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน แต่หากกิ่งไม้มีขนาดใหญ่มาก ก็ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการให้
6. ดูแลสวนรอบบ้านให้สะอาด ไม่รก เพื่อป้องกันปัญหาในหน้าฝน
สวนและบริเวณรอบบ้านที่มีความรกและชื้น อาจเป็นที่ซ่อนของสัตว์มีพิษ เช่น งู หรือแมลงต่าง ๆ จึงควรดูแลสวนให้โล่งเตียน ตัดหญ้าให้สั้น และทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ เพื่อป้องกันอันตราย และควรปรับปรุงระบบระบายน้ำในสวน เพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง
7. ทำความสะอาดพื้น เพื่อป้องกันอันตรายจากพื้นลื่น
พื้นภายนอกบ้าน โดยเฉพาะบริเวณที่มีมอสหรือตะไคร่น้ำขึ้น เมื่อโดนฝนจะทำให้ลื่นได้ง่าย จึงควรทำความสะอาดพื้นให้หมดจดด้วยน้ำยาทำความสะอาดและแปรงขัดพื้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และพิจารณาใช้แผ่นกันลื่นในบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง
8. ตรวจสอบและบำรุงรักษาปลั๊กไฟและโคมไฟกลางแจ้ง
อุปกรณ์ไฟฟ้ากลางแจ้ง เช่น ปลั๊กไฟและโคมไฟ ควรได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอว่ายังคงอยู่ในสภาพดี ไม่มีสายไฟชำรุด หรือฉนวนกันความร้อนเสื่อมสภาพ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟดูด และควรติดตั้งกล่องกันน้ำสำหรับ
ปลั๊กไฟภายนอกอาคารไว้ด้วย
9. ซ่อมแซมอุปกรณ์ฟิตติ้งที่ชำรุด
อุปกรณ์ฟิตติ้งต่าง ๆ เช่น บานพับประตู หน้าต่าง ที่มีปัญหา ควรซ่อมแซมทันที เพื่อให้สามารถปิดได้สนิท ป้องกันน้ำฝนสาดเข้ามาภายในตัวบ้าน หรือในกรณีที่วงกบไม้เริ่มผุพัง ก็ควรรีบเปลี่ยนใหม่เพื่อป้องกันปลวกขึ้น
10. ต่อเติมชายคาหรือกันสาดเพื่อป้องกันฝนสาด
หากมีพื้นที่ที่ฝนสาดเข้ามาเป็นประจำ การต่อเติมชายคาหรือกันสาด จะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ดี นอกจากจะช่วยป้องกันน้ำแล้ว ยังช่วยปกป้องผนังและตัวบ้านจากความชื้นได้อีกด้วย โดยควรเลือกวัสดุที่มีความทนทานและเหมาะสมกับการใช้งานภายนอกตัวบ้าน
11. ย้ายเฟอร์นิเจอร์สนามไปเก็บในที่ปลอดภัย
เฟอร์นิเจอร์สนามที่ทำจากไม้หรือวัสดุที่ไม่ได้กันน้ำ ควรย้ายไปเก็บในที่ปลอดภัย เช่น โรงรถ หรือใต้ชายคา เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำฝนและความชื้น ซึ่งอาจทำให้เฟอร์นิเจอร์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติได้
12. กำจัดสัตว์หรือแมลงรบกวน
หน้าฝนเป็นช่วงที่สัตว์และแมลงต่าง ๆ เช่น ยุง มด แมลงสาบ และสัตว์มีพิษ อาจจะเข้ามาหลบฝนในบ้านได้ จึงควรทำความสะอาดบ้านให้ทั่วถึง และหาทางป้องกัน เช่น การใช้ตาข่ายกันยุง การอุดรอยแตกของผนัง หรือการใช้ยาฆ่าแมลง
ในบริเวณที่เสี่ยง
13. ทาสีบ้านใหม่เพื่อความสวยงามและป้องกันการเสื่อมสภาพ
การทาสีบ้านไม่เพียงช่วยเพิ่มความสวยงาม แต่ยังป้องกันความชื้นและน้ำฝนซึมเข้าสู่ผนังได้ หากสีเดิมซีดจางหรือลอกล่อน ควรทาสีใหม่ด้วยสีคุณภาพดี โดยเลือกสีทาภายนอกที่มีคุณสมบัติกันน้ำและกันเชื้อรา เพื่อยืดอายุการใช้งานและช่วยรักษาความสวยงามของบ้าน
สรุป
การเตรียมบ้านให้พร้อมรับมือฤดูฝนเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดจากน้ำและความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านคุณภาพสูง ต้อง Frasers Property เพราะออกแบบและก่อสร้างบ้านด้วยวัสดุที่ได้มาตรฐาน พร้อมรองรับทุกสภาพอากา ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ เยี่ยมชมโครงการเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1520 Facebook: Frasers Property Home หรือ LINE: @frasershome