วิธีดูแลรักษาบ้าน ไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว ด้วย 10 วิธี ที่ทำง่าย

ปัจจุบันหลายคนต้องเจอกับปัญหาบ้านทรุดโทรม สกปรก หรือไม่เป็นระเบียบ เพราะไม่มีเวลาจัดการบ้านให้เรียบร้อยอย่างสม่ำเสมอ หากปล่อยไว้นาน บ้านอาจเกิดความชื้น เชื้อรา แมลงรบกวน หรือของเสียสะสมจนกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย บทความนี้จะพาไปดูวิธีดูแลบ้านแบบง่าย ๆ ที่ทำได้จริง ตั้งแต่การจัดระเบียบ ทำความสะอาด ไปจนถึงการตรวจเช็กจุดเสี่ยง เพื่อให้บ้านสะอาด ปลอดภัย และน่าอยู่มากขึ้นค่ะ

1. การตรวจสอบหลังคาและร่องน้ำ

การตรวจสอบหลังคาและร่องน้ำ

เริ่มจากวิธีแรกการตรวจสอบหลังคา เป็นการสำรวจสภาพกระเบื้องหลังคา รอยต่อ และสันหลังคาเป็นประจำเพื่อหารอยแตก รอยร้าว หรือการเลื่อนหลุดที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่รุนแรง รวมถึงการทำความสะอาดเศษใบไม้ กิ่งไม้ และสิ่งสกปรกที่อุดตันในร่องน้ำและท่อระบายน้ำฝนเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูฝนที่ต้องระบายน้ำอย่างหนักหน่วง

ข้อดีของการตรวจสอบหลังคาและร่องน้ำช่วยอะไรบ้าง

วิธีนี้จะช่วยป้องกันปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าสู่ตัวบ้านและฝ้าเพดาน ซึ่งเป็นสาเหตุของเชื้อราและความเสียหายต่อโครงสร้างภายในบ้าน และยังช่วยป้องกันการสะสมของแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในน้ำขัง

สิ่งที่ควรเลี่ยง

สิ่งที่ควรเลี่ยงในวิธีนี้ คือ แนะนำให้เลี่ยงการเดินบนหลังคาเอง หากไม่มีอุปกรณ์และทักษะที่ปลอดภัย เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุแล้ว ยังอาจทำให้กระเบื้องแตกหรือเสียหายมากกว่าเดิม

2. การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า

การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า

ต่อมาวิธีที่สองการตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นการสำรวจสภาพสายไฟ ปลั๊ก สวิตช์ และเต้ารับต่าง ๆ ภายในบ้านว่ามีการชำรุด หลวม หรือมีความร้อนสูงผิดปกติหรือไม่? และควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบตู้ควบคุมไฟฟ้า (Circuit Breaker) ว่าทำงานปกติอยู่ไหม? และทดสอบปุ่มตัดไฟรั่วของเครื่องตัดไฟอัตโนมัติอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าระบบจะตัดไฟได้จริงเมื่อเกิดไฟรั่ว

ข้อดีของการตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าช่วยอะไรบ้าง

วิธีนี้จะช่วยป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเพลิงไหม้ที่อาจเป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต พร้อมช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยสำหรับทุกคนในบ้าน และยังช่วยประหยัดพลังงานที่สูญเสียไปจากสายไฟที่เสื่อมสภาพ

สิ่งที่ควรเลี่ยง

สิ่งที่ควรเลี่ยงในวิธีนี้ คือควรเลี่ยงการซ่อมแซมหรือเดินระบบไฟฟ้าที่มีความซับซ้อนด้วยตนเองอย่างเด็ดขาด แนะนำให้เรียกช่างไฟฟ้าผู้ชำนาญการเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวคุณเองและสมาชิกในครอบครัว

3. การตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบประปา

การตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบประปา

ต่อมาวิธีที่สาม การดูแลระบบประปาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันปัญหาน้ำรั่วและลดความเสียหายในระยะยาว จึงควรหมั่นตรวจเช็กท่อน้ำ ก๊อก ข้อต่อ และสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน เพื่อหาสัญญาณของการรั่วซึมหรือความชำรุดอยู่เสมอ รวมถึงตรวจสอบแรงดันน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และทำความสะอาดหรือเปลี่ยนไส้กรองน้ำตามกำหนดเวลา

และที่สำคัญอย่าลืมสังเกตคราบน้ำ ความชื้น หรือเชื้อราที่ปรากฏบนผนังหรือใต้ซิงค์ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงการรั่วซึมที่ซ่อนอยู่ภายใน หากพบความผิดปกติ ควรรีบแก้ไขทันทีเพื่อป้องกันปัญหาลุกลามในอนาคต

ข้อดีของการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบประปาช่วยอะไรบ้าง

วิธีนี้จะช่วยลดการสูญเสียน้ำอย่างสิ้นเปลืองและควบคุมค่าใช้จ่ายในบิลค่าน้ำที่สูงเกินจริง พร้อมช่วยป้องกันความเสียหายต่อโครงสร้างผนัง พื้น และเฟอร์นิเจอร์จากการสะสมความชื้นที่ยาวนาน

สิ่งที่ควรเลี่ยง

สิ่งที่ควรเลี่ยงในวิธีนี้ คือ ควรเลี่ยงการใช้น้ำยาเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงในการแก้ไขท่ออุดตันเป็นประจำ เพราะสารเคมีเหล่านี้อาจทำลายวัสดุท่อประปาให้สึกกร่อนและเสียหายในระยะยาวได้

4. การดูแลรักษาพื้นผิวและผนังภายนอก

การดูแลรักษาพื้นและวัสดุปูผิวภายใน

ควรทำความสะอาดผนังภายนอกบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อขจัดคราบตะไคร่น้ำ เชื้อรา และฝุ่นควันที่สะสม ซึ่งช่วยรักษาความสวยงามและยืดอายุของสีผนัง นอกจากนี้ก็ควรตรวจสอบรอยร้าวเล็ก ๆ บริเวณผนัง ขอบประตู หรือหน้าต่างอยู่เป็นประจำ หากพบรอยร้าวเหล่านี้ ควรรีบอุดซ่อมและทาสีแก้ไขทันที เพื่อป้องกันการซึมของน้ำเข้าสู่โครงสร้าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสีลอกล่อนหรือความเสียหายในระยะยาวได้

ข้อดีของการดูแลรักษาพื้นผิวและผนังภายนอกช่วยอะไรบ้าง

วิธีนี้จะช่วยรักษาความสวยงามและคงทนของสีภายนอกบ้านไว้ พร้อมช่วยป้องกันน้ำซึมเข้าทำลายโครงสร้างผนัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความชื้นและเชื้อราภายในบ้าน

สิ่งที่ควรเลี่ยง

สิ่งที่ควรเลี่ยงในวิธีนี้ คือ ควรเลี่ยงการใช้ปูนยาแนวหรือวัสดุอุดรอยร้าวแบบธรรมดาเพื่อซ่อมแซมรอยร้าวขนาดใหญ่หรือรอยแตกลายงาที่ยาวและลึก เพราะวัสดุเหล่านั้นอาจไม่สามารถยืดหยุ่นได้เพียงพอและรอยร้าวก็จะกลับมาเปิดอีกครั้ง แนะนำให้ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อใช้วัสดุอุดรอยร้าวที่มีความยืดหยุ่นสูงโดยเฉพาะจะดีกว่า

5. การดูแลสวนและจัดการเรื่องปลวกและแมลง

การดูแลสวนและจัดการเรื่องปลวกและแมลง

ควรหมั่นตัดแต่งกิ่งไม้หรือต้นไม้ที่อยู่ใกล้ตัวบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งสัมผัสกับหลังคาหรือผนัง ซึ่งอาจกลายเป็นทางผ่านของสัตว์หรือแมลงเข้าสู่ภายในบ้านได้ นอกจากนี้ก็ควรตรวจสอบสภาพดินรอบบ้านเป็นประจำ เพื่อสังเกตร่องรอยของปลวกหรือแมลงศัตรูพืชอื่น ๆ รวมทั้งจัดสวนภายในบ้านให้โปร่งโล่ง ไม่อับชื้น และไม่รกรุงรัง จะช่วยทำให้บรรยากาศรอบบ้านดูร่มรื่นน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

ข้อดีของการดูแลสวนและจัดการเรื่องปลวกและแมลงช่วยอะไรบ้าง

วิธีนี้จะช่วยป้องกันความเสียหายจากรากไม้ทำลายโครงสร้างตัวบ้านและสิ่งมีชีวิตที่จะมารบกวนคุณ รวมถึงช่วยยืดอายุการใช้งานของส่วนประกอบไม้ภายในบ้าน และลดความเสี่ยงจากโรคที่มาพร้อมกับสัตว์พาหะได้อีกด้วย

สิ่งที่หลีกเลี่ยง

สิ่งที่ควรเลี่ยงในวิธีนี้ คือ หากแมลงเหล่านี้กวนใจ ควรเลี่ยงการใช้สารเคมีกำจัดปลวกหรือแมลงศัตรูพืชที่มีพิษร้ายแรงด้วยตนเองโดยไม่มีความรู้ความเข้าใจอย่างเพียงพอ แนะนำให้เลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตและเลือกใช้สารเคมีที่ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยงจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

6. การตรวจสอบระบบทำความเย็น (แอร์)

การตรวจสอบระบบทำความเย็น (แอร์)

ควรล้างและทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งเป็นขั้นตอนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำความสะอาดใหญ่ และตรวจเช็กระดับน้ำยาแอร์อย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง นอกจากนี้ก็อย่าลืมตรวจสอบท่อน้ำทิ้งของแอร์ให้อยู่ในสภาพดีและไม่มีการอุดตัน เพื่อป้องกันปัญหาน้ำหยดที่อาจสร้างความเสียหายให้กับผนังหรือพื้นได้

ข้อดีของการตรวจสอบระบบทำความเย็น (แอร์)ช่วยอะไรบ้าง

วิธีนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศและประหยัดค่าไฟได้อย่างชัดเจน พร้อมช่วยให้อากาศภายในบ้านสะอาดบริสุทธิ์ ลดฝุ่นและเชื้อโรค จึงดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยด้วยนั่นเอง

สิ่งที่ควรหลีกหลี่ยง

สิ่งที่ควรเลี่ยงในวิธีนี้ คือ การพยายามซ่อมแซมหรือแก้ไขปัญหาทางเทคนิคของเครื่องปรับอากาศด้วยตนเองโดยไม่มีความรู้ความชำนาญ โดยเฉพาะการเติมน้ำยาแอร์หรือการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าภายในคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน เพราะอาจทำให้เกิดการชำรุดที่ซับซ้อนขึ้น หรือเป็นอันตรายจากกระแสไฟฟ้าได้

7. การดูแลประตู หน้าต่าง และบานพับ

การดูแลประตู หน้าต่าง และบานพับ

ควรตรวจสอบการทำงานของบานพับ มือจับ และกลอนประตู–หน้าต่างทุกบานอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่ายังแน่นหนา เปิด–ปิดได้อย่างราบรื่น ไม่ฝืดหรือส่งเสียงดัง พร้อมทั้งหมั่นหยอดน้ำมันหล่อลื่นตามบานพับและรางเลื่อนเพื่อลดการสึกหรอ

ข้อดีของการดูแลประตู หน้าต่าง และบานพับ

นอกจากนี้ก็ควรตรวจเช็กสภาพยางขอบประตูและหน้าต่าง เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำฝนหรืออากาศภายนอก รวมถึงการสำรวจรอยร้าวหรือรอยรั่วของกระจกอย่างสม่ำเสมอ หากพบความเสียหาย ควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัยของคนในบ้าน

สิ่งที่ควรเลี่ยง

วิธีนี้จะช่วยรักษาความปลอดภัยของบ้านและลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานจากการรั่วไหลของอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ และทำให้การเปิด-ปิดประตูหน้าต่างเป็นไปอย่างง่ายดาย

8. การดูแลรักษาพื้นและวัสดุปูผิวภายใน

การดูแลรักษาพื้นและวัสดุปูผิวภายใน

การดูแลพื้นบ้านควรทำให้เหมาะสมกับประเภทของวัสดุ เพื่อคงความสวยงามและยืดอายุการใช้งาน เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะสำหรับพื้นไม้ปาร์เกต์หรือพื้นลามิเนต และการทำความสะอาดร่องยาแนวของพื้นกระเบื้องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดคราบดำและเชื้อรา

ข้อดีของการดูแลรักษาพื้นและวัสดุปูผิวภายในช่วยอะไร

วิธีนี้จะช่วยรักษาความสวยงามและคงทนของพื้นผิวภายในบ้าน ช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นทุกประเภทและลดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ทำให้เกิดภูมิแพ้

สิ่งที่ควรเลี่ยง

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง คือห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีความเป็นกรดหรือด่างสูงกับพื้นผิวบางประเภท เช่น พื้นหินอ่อนหรือหินแกรนิต เพราะอาจทำให้พื้นหมองและเกิดรอยด่างถาวรได้

9. การตรวจสอบระบบระบายอากาศและปล่องควัน

การตรวจสอบระบบระบายอากาศและปล่องควัน

ควรตรวจสอบพัดลมดูดอากาศในห้องน้ำและห้องครัวเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่ายังคงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการทำความสะอาดแผ่นกรองของเครื่องดูดควันในห้องครัวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการอุดตันจากคราบน้ำมันหรือฝุ่นละออง หากบ้านมีปล่องควัน ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีรังนกหรือสิ่งแปลกปลอมขวางทางระบายอากาศอยู่ 

ข้อดีของการตรวจสอบระบบระบายอากาศและปล่องควันช่วยอะไรบ้าง

วิธีนี้จะช่วยลดความชื้นและกลิ่นอับภายในบ้าน ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราตามห้องน้ำและฝ้าเพดาน และทำให้สภาพอากาศภายในบ้านถูกสุขลักษณะอยู่เสมอ

10. การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่

การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่

วิธีสุดท้าย การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ควรทำความสะอาดและบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสูงและมีขนาดใหญ่ในบ้านอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำความสะอาดด้านหลังและรอบ ๆ ตู้เย็นเพื่อระบายความร้อนที่สะสมอย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจสอบสายไฟ ท่อน้ำทิ้ง และรอยรั่วของเครื่องซักผ้า รวมถึงการตรวจสอบระบบสายดินและตะกรันในเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อป้องกันความร้อนสะสมและไฟฟ้าลัดวงจร

ข้อดีของการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ช่วยอะไรบ้าง

วิธีนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น และป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร ช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยขณะใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ

สิ่งที่ควรเลี่ยง

สิ่งที่ควรเลี่ยงในวิธีนี้ คือ หากพบความผิดปกติของระบบไฟ ควรพึ่งพาความช่วยเหลือจากช่างผู้มีประสบการณ์ ไม่ควรดำเนินการด้วยตัวคุณเอง เพราะหากทำไม่ถูกวิธี อาจอันตรายถึงชีวิตได้ 

สรุป การดูแลรักษาบ้านดีอย่างไร

การดูแลรักษาบ้านถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาคุณภาพชีวิตและมูลค่าของทรัพย์สินในระยะยาว โดยหลักการสำคัญ คือ การเน้นการบำรุงรักษาเชิงป้องกันมากกว่าการรอซ่อมแซมเมื่อเกิดปัญหา ผ่านการตรวจสอบระบบสำคัญของบ้านอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหลังคา ระบบไฟฟ้า ประปา และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงการจัดการสภาพแวดล้อมรอบบ้านอย่างถูกวิธี จะช่วยให้บ้านของคุณปลอดภัย สวยงาม และน่าอยู่อยู่เสมอ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโครงการบ้านใหม่ที่ออกแบบโดยคำนึงถึงความทนทานและง่ายต่อการดูแลรักษาในทุกมิติ สามารถเยี่ยมชมโครงการคุณภาพจาก เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ และรับคำแนะนำดี ๆ ในการดูแลบ้านได้ที่

โทร 1520
Facebook: Frasers Property Home
LINE: @frasershome