ฉันจะซื้อบ้านเงินสด ความฝันนี้ที่ใครหลาย ๆ คนต้องมี แต่วิธีนี้จะดีไหม? ก่อนจะตัดสินใจครั้งใหญ่นี้ก็ควรรู้ขั้นตอนการซื้อด้วยเงินสดและข้อเสียว่ามีอะไรบ้าง? เพื่อให้การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่าและราบรื่นที่สุด บทความนี้ Frasers Property จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของการซื้อบ้านด้วยเงินสดรวมถึงความต่างจากการผ่อน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าตัวเลือกนี้เหมาะกับคุณจริง ๆ หรือไม่? คนกำลังจะซื้อบ้านต้องอ่านให้จบ
ซื้อบ้านเงินสด คืออะไร?
การซื้อบ้านด้วยเงินสด คือการชำระค่าบ้านเต็มจำนวนในครั้งเดียวโดยไม่ต้องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นั่นหมายความว่าผู้ซื้อต้องมีเงินทุนเพียงพอที่จะครอบคลุมราคาบ้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยผู้ซื้อจะทำการโอนกรรมสิทธิ์บ้านได้ทันทีที่ชำระเงินครบถ้วน
ข้อดีของการซื้อบ้านด้วยเงินสด มีอะไรบ้าง?
การซื้อบ้านด้วยเงินสดมีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีความพร้อมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็น
- การปลอดหนี้และภาระดอกเบี้ย: ช่วยให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระผ่อนชำระหนี้บ้านรายเดือน ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยที่อาจสูงถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาทตลอดอายุสัญญา ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินในระยะยาวได้อย่างมหาศาล
- เมื่อชำระเงินครบถ้วน: คุณจะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นได้ทันที ไม่ต้องรอการอนุมัติสินเชื่อ หรือผ่านขั้นตอนยุ่งยากของธนาคาร ทำให้กระบวนการซื้อขายเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
- ต่อรองราคาได้เปรียบกว่า: เนื่องจากผู้ขายมักจะชื่นชอบผู้ซื้อที่ชำระด้วยเงินสด เพราะสามารถดำเนินการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีความเสี่ยงเรื่องการอนุมัติสินเชื่อ และได้รับเงินเต็มจำนวนทันที ทำให้คุณมีอำนาจในการต่อรองราคาบ้าน หรือขอส่วนลดพิเศษได้ง่ายกว่าผู้ซื้อที่ต้องขอสินเชื่อ
- ไม่ต้องเตรียมเอกสารมากมายเพื่อยื่นขอสินเชื่อ: ไม่ต้องกังวลเรื่องเครดิตบูโร หรือคุณสมบัติผู้กู้ ทำให้ขั้นตอนการซื้อขายกระชับและสะดวกสบายกว่ามาก
- การไม่มีภาระหนี้บ้านช่วยให้คุณมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น: สามารถนำเงินไปลงทุนในด้านอื่น ๆ หรือใช้จ่ายเพื่อเป้าหมายทางการเงินอื่น ๆ ได้อย่างอิสระมากขึ้น
ข้อเสียที่ควรระวังหากซื้อบ้านเงินสด
แม้การซื้อบ้านเงินสดจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียที่คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นกัน ดังนี้
- การนำเงินเก็บก้อนใหญ่ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด: อาจทำให้คุณขาดสภาพคล่องหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดฝัน เช่น การเจ็บป่วยฉุกเฉิน ตกงาน หรือธุรกิจมีปัญหา ซึ่งอาจทำให้ต้องหาแหล่งเงินอื่นมาทดแทน
- การนำเงินสดจำนวนมากไปจมอยู่กับการซื้อบ้าน: อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการนำเงินนั้นไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่อาจให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือธุรกิจส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นการสร้างความมั่งคั่งที่เติบโตได้เร็วกว่า
- แม้จะไม่มีหนี้บ้าน: แต่การมีเงินสดสำรองเหลือน้อยหลังจากการซื้อบ้าน อาจทำให้การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน หรือการลงทุนในอนาคตเป็นไปได้ยากขึ้น
- อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์บางประเภทอาจมีค่าเสื่อมราคา: หรือหาผู้ซื้อต่อได้ยากหากต้องการขายในอนาคต การนำเงินสดทั้งหมดไปลงกับทรัพย์สินที่ไม่ใช่สินทรัพย์สภาพคล่องสูง อาจมีความเสี่ยงในยามที่ต้องการเงินคืนอย่างเร่งด่วน
หากซื้อบ้านเงินสดโดนตรวจสอบหรือไม่?
การซื้อบ้านด้วยเงินสด โดยเฉพาะจำนวนเงินที่สูง อาจมีการตรวจสอบที่มาของเงินเพื่อป้องกันการฟอกเงินตามกฎหมาย การแสดงหลักฐานที่มาของเงินที่ชัดเจนและโปร่งใส เช่น Statement บัญชีธนาคาร, หลักฐานการขายทรัพย์สินอื่น, หรือหลักฐานการรับมรดก จะช่วยให้กระบวนการซื้อเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
ตารางเปรียบเทียบ: ซื้อบ้านเงินสด VS ผ่อน
เมื่อถึงคราวต้องตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านเงินสด หรือผ่อนดี? การเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของทั้งสองทางเลือกอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินและเป้าหมายของคุณได้มากที่สุด
หัวข้อการเปรียบเทียบ | การซื้อด้วยเงินสด | การซื้อด้วยการผ่อน (สินเชื่อ) |
ภาระหนี้สิน | ไม่มีภาระหนี้สิน ไม่ต้องผ่อนชำระ | มีภาระหนี้สิน ต้องผ่อนชำระรายเดือนพร้อมดอกเบี้ย |
ดอกเบี้ย | ไม่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย | มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา (เป็นจำนวนมาก) |
อำนาจต่อรอง | สูงมาก มีโอกาสได้ส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษ | ปานกลาง-ต่ำ (ขึ้นอยู่กับเครดิตผู้ซื้อและนโยบายผู้ขาย) |
ความรวดเร็ว | รวดเร็วมาก สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที | ช้ากว่า ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร |
สภาพคล่องทางการเงิน | ลดลงมาก อาจขาดสภาพคล่องหากใช้เงินเก็บทั้งหมด | มีสภาพคล่องทางการเงินสูงกว่า ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ทั้งหมด |
โอกาสในการลงทุน | เสียโอกาสในการนำเงินก้อนไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น | สามารถนำเงินที่เหลือไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นเพื่อเพิ่มผลตอบแทนได้v |
ขั้นตอน/เอกสาร | น้อยกว่า ไม่ต้องเตรียมเอกสารยื่นกู้ ไม่ต้องมีเครดิตบูโร | มากกว่า ต้องเตรียมเอกสารยื่นกู้ผ่านธนาคาร ซึ่งมีผลต่อเครดิตบูโร |
ความยืดหยุ่น | ความยืดหยุ่นสูง สามารถจัดการทรัพย์สินได้เต็มที่ | มีข้อจำกัดตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้กับธนาคาร |
ซื้อบ้านด้วยเงินสดต้องเตรียมอะไรล่วงหน้าบ้าง?
การซื้อบ้านด้วยเงินสด แม้จะดูง่ายกว่าการขอสินเชื่อ แต่ก็มีสิ่งที่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาติดขัด
สิ่งที่ต้องเตรียมด้านเอกสาร
แม้ไม่ต้องยื่นกู้ แต่เอกสารสำคัญสำหรับการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ก็ยังคงจำเป็นที่จะต้องเตรียม ได้แก่
- เอกสารส่วนตัว
- บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริงและสำเนา)
- ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริงและสำเนา)
- ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
- ทะเบียนสมรส/หย่า (ถ้ามี)
- เอกสารเกี่ยวกับการเงิน
- หลักฐานแสดงแหล่งที่มาของเงิน (เพื่อป้องกันข้อสงสัยเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจร้องขอ) เช่น สมุดบัญชีธนาคาร, หลักฐานการรับมรดก หรือสัญญาซื้อขายสินทรัพย์เดิม
- เอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สิน (จากผู้ขายหรือโครงการ)
- โฉนดที่ดิน (ฉบับจริง)
- ทะเบียนบ้านของทรัพย์สิน
- ใบอนุญาตก่อสร้าง (สำหรับบ้านสร้างใหม่)
- แบบแปลนอาคาร (ถ้ามี)
สิ่งที่ต้องเตรียมด้านภาษีและค่าใช้จ่าย
สำหรับการซื้อบ้านด้วยเงินสด นอกเหนือจากการเตรียมเงินค่าบ้านเต็มจำนวนแล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายและค่าภาษีที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่คุณต้องเตรียมพร้อมไว้ด้วยเช่นกัน ได้แก่
- ค่าธรรมเนียมการโอน ปัจจุบันอยู่ที่ 2% ของราคาประเมิน หรือราคาซื้อขายแล้วแต่ราคาใดจะสูงกว่า (ทั้งนี้อาจมีการลดหย่อนตามมาตรการรัฐ)
- ค่าจดจำนอง (กรณีติดจำนองเดิมกับธนาคารของผู้ขาย และผู้ขายต้องไถ่ถอน)
- ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาประเมิน หรือราคาซื้อขายแล้วแต่ราคาใดจะสูงกว่า (ยกเว้นถ้าเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว)
- ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ของราคาประเมิน หรือราคาซื้อขาย แล้วแต่ราคาใดจะสูงกว่า (สำหรับกรณีที่ผู้ขายถือกรรมสิทธิ์ไม่ถึง 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านไม่ถึง 1 ปี)
- ค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คำนวณตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่ถือกรรมสิทธิ์และราคาประเมิน
- ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการดำเนินการ, ค่าบริการทนายความ (ถ้ามี), ค่ามิเตอร์น้ำ-ไฟ เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายในการตกแต่งและขนย้าย ซึ่งมักเป็นส่วนที่ถูกมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญหลังจากเป็นเจ้าของบ้านแล้ว
ซื้อบ้านเงินสดต้องทํายังไง? แนะนำแบบ Step-by-Step
การซื้อบ้านด้วยเงินสดไม่ใช่แค่การจ่ายเงินก้อนโต แต่ยังมีขั้นตอนที่ต้องจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งจะมีขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้
- ตรวจสอบราคาบ้านและทรัพย์สิน: ในทำเลที่คุณสนใจ รวมถึงการตรวจสอบสภาพทรัพย์สินอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นบ้านมือหนึ่งจากโครงการ หรือบ้านมือสอง เพื่อให้มั่นใจว่าราคาที่เสนอขายมานั้น จะเหมาะสมกับคุณภาพและสภาพของทรัพย์สิน
- ขอใบเสนอราคาจากโครงการ/ผู้ขาย: ซึ่งจะระบุรายละเอียดราคา เงื่อนไขการชำระเงิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ
- เตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่จะใช้ในการโอนไว้ล่วงหน้า: เพื่อให้กระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินเป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่ติดขัด เพราะเอกสารเหล่านี้ใช้ยืนยันตัวตนของผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงรายละเอียดของทรัพย์สินและหลักฐานการชำระเงินตามกฎหมาย
- วางแผนภาษีและค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์: เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีธุรกิจเฉพาะ (ถ้ามี) อากรแสตมป์ และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เพื่อช่วยให้คุณบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- นัดโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินที่ทรัพย์สินตั้งอยู่: เพื่อดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์และชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามกฎหมาย ซึ่งผู้ซื้อ ผู้ขาย และพยาน (ถ้ามี) จะต้องไปปรากฏตัวในวันนัดหมายเพื่อลงนามในเอกสารการโอน
คำถามที่พบบ่อย
ซื้อบ้านเงินสดจ่ายยังไง?
การชำระเงินสดสำหรับซื้อบ้านมักทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินและความสะดวกของผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น
- เช็คแคชเชียร์ (Cashier's Cheque) เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะปลอดภัยและสะดวก ธนาคารจะออกเช็คในนามผู้ขาย และผู้ซื้อจะนำเช็คไปมอบให้ผู้ขายในวันโอนที่สำนักงานที่ดิน
- การโอนเงินผ่านธนาคาร (Bank Transfer) สำหรับยอดเงินที่ไม่สูงมาก หรืออาจเป็นการโอนเงินมัดจำล่วงหน้า แต่สำหรับการชำระเต็มจำนวนในวันโอนกรรมสิทธิ์ ควรประสานงานกับธนาคารเพื่อยืนยันวงเงินการโอน
- แคชเชียร์เช็ค/ดราฟต์ ในกรณีที่ซื้อบ้านในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่ที่ที่ผู้ซื้อมีบัญชี ผู้ซื้อสามารถขอให้ธนาคารออกดราฟต์เพื่อนำไปมอบให้ผู้ขายในวันโอนได้
หากซื้อบ้านเงินสดเสียค่าอะไรบ้าง?
นอกเหนือจากราคาบ้านเต็มจำนวนแล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายและภาษีที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ผู้ซื้อ หรือผู้ขาย ต้องรับผิดชอบตามที่ได้ตกลงกันไป ได้แก่
- ค่าธรรมเนียมการโอน จำนวน 2% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย (แล้วแต่ราคาใดสูงกว่า)
- ค่าอากรแสตมป์ จำนวน 0.5% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน
- ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ จำนวน 3.3% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย (หากผู้ขายถือกรรมสิทธิ์ไม่ถึง 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านไม่ถึง 1 ปี)
- ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คำนวณตามจำนวนปีที่ถือครองและราคาประเมิน (เป็นภาระของผู้ขาย แต่บางครั้งอาจมีการตกลงแบ่งจ่าย)
- ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ เช่น ค่าคำขอ ค่าพยาน เป็นต้น
ซื้อบ้านเงินสดต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?
การซื้อบ้านเงินสดต้องเสียภาษีหลัก ๆ ในวันโอนกรรมสิทธิ์ดังที่กล่าวมาในข้อ "หากซื้อบ้านเงินสด เสียค่าอะไรบ้าง?" ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการโอน, อากรแสตมป์, ภาษีธุรกิจเฉพาะ (ถ้ามี) และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งโดยปกติค่าธรรมเนียมการโอนและอากรแสตมป์มักจะแบ่งจ่ายคนละครึ่งระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ส่วนภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายมักจะเป็นภาระของผู้ขาย
ซื้อบ้านเงินสดใส่ชื่อ 2 คนได้ไหม?
ได้แน่นอน การซื้อบ้านด้วยเงินสดสามารถใส่ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ 2 คนขึ้นไป โดยมักจะระบุสัดส่วนการถือกรรมสิทธิ์ไว้ในโฉนดที่ดิน หากไม่ได้ระบุ จะถือว่าถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง ทั้งนี้การมีชื่อร่วมกันจะต้องเตรียมเอกสารส่วนตัวของทั้งสองคนให้ครบถ้วนในวันโอน
ซื้อบ้านเงินสดดีกว่าผ่อนจริงหรือไม่?
คำตอบขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินและเป้าหมายส่วนบุคคล การซื้อเงินสดมีข้อดี คือ ปลอดหนี้ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และได้อำนาจการต่อรองสูง แต่ก็อาจทำให้สภาพคล่องลดลง และเสียโอกาสในการลงทุนอื่นที่มีผลตอบแทนสูงกว่า ในขณะที่การผ่อนทำให้มีสภาพคล่องสูงกว่า และสามารถนำเงินที่เหลือไปลงทุนได้ แต่ก็ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย ดังนั้นไม่มีวิธีใดดีที่สุดสำหรับทุกคน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคลมากกว่านั่นเอง
ซื้อบ้านเงินสดมีส่วนลดไหม?
มีโอกาสสูงที่จะได้ส่วนลด เพราะผู้ขายมักจะให้ความสำคัญกับผู้ซื้อเงินสดเป็นพิเศษ เนื่องจากกระบวนการซื้อขายรวดเร็ว ไม่มีความเสี่ยงเรื่องการขอสินเชื่อ และได้รับเงินเต็มจำนวนทันที ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ขายรายย่อยมักเสนอส่วนลดพิเศษ หรือข้อเสนอที่น่าสนใจอื่น ๆ เพื่อจูงใจผู้ที่จะซื้อบ้านด้วยเงินสดมากกว่า
ซื้อบ้านเงินสดต้องใช้เวลาโอนกี่วัน?
หากเอกสารทุกอย่างครบถ้วนและไม่มีข้อผิดพลาด ระยะเวลาในการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินจะใช้เวลาค่อนข้างรวดเร็ว โดยทั่วไปสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นได้ภายใน 1 วันทำการ หรืออาจใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในวันนัดโอนนั้น ๆ ขึ้นอยู่กับจำนวนคิวและประสิทธิภาพการทำงานของสำนักงานที่ดินในแต่ละพื้นที่
สรุป: ซื้อบ้านเงินสด เหมาะสำหรับใคร?
การซื้อบ้านด้วยเงินสดเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความพร้อมทางการเงินสูงและมีเงินทุนสำรองเพียงพอ สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ หลังจากการซื้อบ้าน รวมถึงผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงภาระหนี้สินและดอกเบี้ยในระยะยาว เพื่อให้มีอิสระทางการเงินในการใช้ชีวิต หรือนำเงินไปลงทุนในด้านอื่น ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการผ่อนชำระ นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในการโอนกรรมสิทธิ์ และมีอำนาจในการต่อรองราคามากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาทางเลือกการซื้อบ้านด้วยเงินสด หรือกำลังมองหาบ้านเดี่ยว ที่ตอบโจทย์ความต้องการในทุกมิติ Frasers Property มีโครงการคุณภาพหลากหลายรูปแบบที่พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคุณ เพื่อให้ทุกการลงทุนของคุณคุ้มค่ามากที่สุด