รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร? เสียค่าอะไรบ้าง เลือกธนาคารไหนดี 2568

การผ่อนบ้านเป็นภาระทางการเงินระยะยาวที่หลายคนต้องรับมืออย่างต่อเนื่อง ยิ่งผ่อนนาน ดอกเบี้ยก็ยิ่งเป็นภาระมากขึ้น ทำให้หลายคนเริ่มมองหาวิธีที่จะช่วยลดต้นทุนและบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งในทางเลือกสำคัญที่ช่วยลดดอกเบี้ยและภาระผ่อนชำระได้จริงก็คือ “รีไฟแนนซ์บ้าน

บทความนี้ Frasers Property จะพาคุณไปทำความเข้าใจอย่างละเอียดว่า รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร? มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องเตรียม? ข้อดีที่ควรรู้ และควรเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารไหนดีในปี 2568 เพื่อให้คุณสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุด

รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร?

รีไฟแนนซ์บ้าน

รีไฟแนนซ์บ้าน (Home Refinancing) คือการยื่นขอสินเชื่อก้อนใหม่กับธนาคารแห่งใหม่ เพื่อนำมาปิดหนี้สินเชื่อบ้านก้อนเก่ากับธนาคารเดิม วัตถุประสงค์หลักของการรีไฟแนนซ์คือเพื่อลดภาระดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากผ่อนชำระไปแล้ว 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมักจะปรับสูงขึ้น

ทำไมต้องรีไฟแนนซ์บ้าน

สาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน คือ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย เนื่องจากในช่วง 3 ปีแรกของการผ่อนบ้าน ธนาคารมักจะเสนออัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อจูงใจ แต่หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยก็จะปรับสูงขึ้น ทำให้ยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

การรีไฟแนนซ์จึงเป็นโอกาสในการย้ายไปใช้สินเชื่อบ้านกับธนาคารใหม่ที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเดิม ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเงินในส่วนของดอกเบี้ยได้เป็นจำนวนมาก และยังสามารถขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระให้นานขึ้นได้อีกด้วย

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยอะไรบ้าง

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน

การรีไฟแนนซ์บ้านมีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้การบริหารจัดการหนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้

  1. ช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงจากธนาคารแห่งใหม่ ทำให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง และช่วยประหยัดเงินในระยะยาวได้เป็นจำนวนมาก

  2. หากคุณมีกำลังในการผ่อนชำระมากขึ้น การรีไฟแนนซ์อาจช่วยให้คุณผ่อนหมดเร็วขึ้นได้ โดยยังคงผ่อนในยอดเท่าเดิมหรือสูงขึ้นเล็กน้อย

  3. ในบางกรณีธนาคารอาจเสนอวงเงินสินเชื่อที่สูงขึ้นจากยอดหนี้คงค้าง ทำให้คุณมีเงินก้อนสำหรับใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น การตกแต่งบ้าน หรือการรวมหนี้สินอื่น ๆ

  4. ธนาคารใหม่มักจะเสนอสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อจูงใจลูกค้า เช่น ฟรีค่าธรรมเนียมการประเมินราคาหลักทรัพย์ หรือฟรีค่าจดจำนอง เป็นต้น

ใครบ้างเหมาะกับการรีไฟแนนซ์บ้าน?

การรีไฟแนนซ์บ้านเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระทางการเงินและวางแผนการผ่อนชำระให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

  1. ผู้ที่ผ่อนบ้านมาแล้ว 3 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านมักจะปรับสูงขึ้น การรีไฟแนนซ์จึงเป็นโอกาสที่ดีในการย้ายไปใช้อัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ต่ำกว่า

  2. ผู้ที่มีวินัยทางการเงินที่ดี เพราะจะมีโอกาสสูงในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์จากธนาคารใหม่

  3. ผู้ที่ต้องการลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือน การรีไฟแนนซ์ช่วยให้ยอดผ่อนลดลง ทำให้คุณมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้นในแต่ละเดือน

  4. ผู้ที่ต้องการวงเงินเพิ่ม สำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ การรีไฟแนนซ์พร้อมขอวงเงินเพิ่มจากธนาคารใหม่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

ค่าใช้จ่าย รีไฟแนนซ์บ้าน มีเสียค่าอะไรบ้าง?

ค่าใช้จ่าย รีไฟแนนซ์บ้าน

การรีไฟแนนซ์บ้านมีค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมพร้อม ดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมการประเมินราคาหลักทรัพย์ เป็นค่าใช้จ่ายที่ธนาคารเรียกเก็บเพื่อประเมินราคาบ้านใหม่ ซึ่งมักจะอยู่ระหว่าง 2,000 - 3,000 บาท

  • ค่าจดจำนอง เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับกรมที่ดินเมื่อมีการจดจำนองใหม่ โดยคิดเป็น 1% ของยอดวงเงินที่จำนอง

  • ค่าอากรแสตมป์ คิดเป็น 0.05% ของวงเงินกู้

  • ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ อาทิ อาจมีค่าธรรมเนียมในการจัดการสินเชื่อ หรือค่าธรรมเนียมการไถ่ถอนจำนองจากธนาคารเดิม ซึ่งควรสอบถามรายละเอียดจากทั้งสองธนาคารก่อนอีกครั้ง

รีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารเดิมได้ไหม?

การยื่นขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมเรียกว่า "Retention" (รีเทนชัน) ซึ่งเป็นการเจรจาขอลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมที่คุณผ่อนอยู่ ซึ่งมีข้อดี คือ คุณไม่ต้องยื่นเอกสารใหม่ ไม่เสียค่าธรรมเนียมจดจำนอง และขั้นตอนไม่ยุ่งยากเท่าการรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่

แต่ธนาคารเดิมอาจจะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่เล็กน้อย ดังนั้นคุณจึงควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากทั้งธนาคารเดิมและธนาคารใหม่ก่อนตัดสินใจ

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนรีไฟแนนซ์บ้าน?

ก่อนตัดสินใจยื่นรีไฟแนนซ์ ควรเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้

  1. ตรวจสอบยอดหนี้คงค้าง โดยติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อตรวจสอบยอดหนี้คงเหลือและอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน

  2. ตรวจสอบเงื่อนไขการไถ่ถอนจำนองว่ามีค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมในการไถ่ถอนก่อนกำหนดหรือไม่? ซึ่งโดยทั่วไปธนาคารจะกำหนดให้ผ่อนอย่างน้อย 3 ปีก่อน จึงจะทำการรีไฟแนนซ์ได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม

  3. เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายธนาคาร เพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุด

  4. เตรียมเอกสารให้พร้อม โดยทั่วไปจะใช้เอกสารส่วนตัว เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สลิปเงินเดือนย้อนหลัง และรายการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง เป็นต้น

  5. คำนวณภาระหนี้สินใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะสามารถผ่อนชำระได้อย่างสบาย ๆ ในแต่ละเดือน

รีไฟแนนซ์บ้าน ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

การรีไฟแนนซ์บ้านจำเป็นต้องใช้เอกสารหลายอย่างเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งเอกสารสำหรับทำเรื่องกับธนาคารเดิมและธนาคารใหม่จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้

1. เอกสารสำหรับใช้ปรับปรุงสัญญากับธนาคารเดิม

  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

  2. สำเนาทะเบียนบ้าน

  3. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน

  4. รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน

  5. สำเนาสัญญาเงินกู้กับธนาคารเดิม

  6. สำเนาโฉนดที่ดิน

2. เอกสารสำหรับใช้รีไฟแนนซ์บ้าน ที่ธนาคารใหม่

  • เอกสารส่วนตัว

    1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

    2. สำเนาทะเบียนบ้าน

    3. สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า (ถ้ามี)

  • เอกสารรายได้ (พนักงานประจำ)

    1. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน

    2. หนังสือรับรองเงินเดือน

    3. รายการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน

  • เอกสารสำหรับหลักทรัพย์

    1. สำเนาโฉนดที่ดิน

    2. สัญญาเงินกู้และสัญญากู้ซื้อบ้านกับธนาคารเดิม

รีไฟแนนซ์บ้าน ทำได้กี่ครั้ง?

โดยหลักการแล้ว ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการรีไฟแนนซ์บ้าน คุณสามารถรีไฟแนนซ์ได้เรื่อย ๆ ตราบใดที่สัญญาสินเชื่อบ้านฉบับปัจจุบันของคุณหมดช่วงระยะเวลาผูกพัน (โดยทั่วไปคือ 3 ปี)

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรทำบ่อยเกินไป เนื่องจากในทุกครั้งที่รีไฟแนนซ์จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามมา เช่น ค่าธรรมเนียมการประเมินราคาหลักทรัพย์ และค่าจดจำนอง ซึ่งหากคำนวณแล้วค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอาจไม่คุ้มกับดอกเบี้ยที่ประหยัดได้

คู่มือวิธีรีไฟแนนซ์บ้าน เพิ่มสภาพคล่อง ลดภาระหนี้

คู่มือวิธีรีไฟแนนซ์บ้าน

การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นขั้นตอนที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและลดภาระหนี้ได้อย่างแท้จริง โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. ติดต่อธนาคารเดิมเพื่อสอบถามว่าคุณได้ผ่อนชำระครบตามเงื่อนไขการห้ามไถ่ถอนก่อนกำหนดหรือยัง (โดยทั่วไปคือ 3 ปี) และมียอดหนี้คงเหลือเท่าไร

  2. ศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย, วงเงินกู้, และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากธนาคารใหม่หลายแห่ง รวมถึงเจรจาขอลดดอกเบี้ย (Retention) กับธนาคารเดิม เพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุด

  3. เตรียมเอกสารให้พร้อม ทั้งเอกสารส่วนตัว เอกสารรายได้ และเอกสารหลักทรัพย์ เพื่อใช้ในการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่

  4. ยื่นเอกสารทั้งหมดให้กับธนาคารใหม่ที่คุณเลือก โดยธนาคารจะดำเนินการประเมินราคาหลักทรัพย์และพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ

  5. หากสินเชื่อได้รับการอนุมัติ ธนาคารจะนัดหมายเพื่อทำสัญญาและไปดำเนินการจดจำนองกับกรมที่ดิน และธนาคารใหม่จะนำเงินไปปิดหนี้กับธนาคารเดิมให้คุณ

ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์บ้าน มีอะไรบ้าง?

แม้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านจะมีข้อดีที่น่าสนใจ แต่ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณา ดังนี้

  1. มีค่าใช้จ่ายแฝง ในทุกครั้งที่รีไฟแนนซ์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์, ค่าจดจำนอง, และค่าอากรแสตมป์ ซึ่งเป็นเงินก้อนที่ต้องจ่ายในตอนแรก

  2. การยื่นขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่มีขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียมค่อนข้างมาก และต้องใช้เวลาในการดำเนินการ

  3. ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ได้จะได้ต่ำในช่วง 3 ปีแรกของการรีไฟแนนซ์ และอาจปรับสูงขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งคุณต้องวางแผนให้ดีเพื่อรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต

รีไฟแนนซ์บ้านได้วงเงินเท่าไร?

วงเงินที่ได้จากการรีไฟแนนซ์จะขึ้นอยู่กับยอดหนี้คงค้าง และราคาประเมินหลักทรัพย์ที่ธนาคารใหม่กำหนด โดยทั่วไปแล้วธนาคารจะให้วงเงินสินเชื่อตามยอดหนี้คงค้าง เพื่อนำไปปิดหนี้เก่าเป็นหลัก

แต่ในบางกรณี หากราคาประเมินหลักทรัพย์สูงกว่ายอดหนี้คงค้าง ธนาคารอาจเสนอวงเงินเพิ่มให้ ซึ่งอาจสูงถึง 90-100% ของราคาประเมินใหม่ เพื่อให้คุณมีเงินสดส่วนเกินสำหรับใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติมได้

เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ทุกธนาคาร 2568

การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้คุณลดภาระดอกเบี้ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2568 นี้ แต่ละธนาคารได้ออกโปรโมชั่นและอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งการเปรียบเทียบข้อเสนออย่างละเอียดจะช่วยให้คุณเลือกได้ตรงใจและคุ้มค่าที่สุด

และเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อเป็นข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามโปรโมชั่นและนโยบายของธนาคาร จึงควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุด ณ ขณะยื่นสมัครกับธนาคารโดยตรงเสมอ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำที่สุด โดยตารางด้านล่างนี้เป็นเพียงข้อมูลอ้างอิงเบื้องต้นสำหรับการเปรียบเทียบ

ชื่อธนาคาร ดอกเบี้ยต่ำสุดเฉลี่ยใน 3 ปีแรก (โดยประมาณ) วงเงินกู้สูงสุด
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 2.70 - 3.20% สูงสุด 100% ของราคาประเมิน
ธนาคารออมสิน (GSB) 2.99 - 4.79% สูงสุด 110% ของราคาประเมิน
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) 2.98% สูงสุด 95 - 100% ของราคาประเมิน
ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb) 2.89 - 3.30% สูงสุด 100% ของราคาประเมิน
ธนาคารกสิกรไทย (KBank) 3.10 - 3.42% สูงสุด 100% ของราคาประเมิน
ธนาคารกรุงไทย (Krungthai) 3.29 - 3.51% สูงสุด 100% ของราคาประเมิน
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) 3.32 - 3.99% สูงสุด 100% ของราคาประเมิน
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Bank) 2.64% สูงสุด 100% ของราคาประเมิน

รีไฟแนนซ์บ้าน 2568  ธนาคารไหนดี? 

การเลือกธนาคารสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้านในปี 2568 นั้น ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ วงเงินที่ต้องการ และบริการต่าง ๆ โดยแต่ละธนาคารก็มีจุดเด่นและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป ดังนี้

ชื่อธนาคาร จุดเด่น ผลิตภัณฑ์ของธนาคาร
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.20% สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ
ธนาคารออมสิน เป็นธนาคารของรัฐที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เช่น ผู้มีรายได้น้อย และข้าราชการ สินเชื่อบ้านสำหรับผู้มีรายได้น้อย และสินเชื่อบ้านสำหรับข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 110% ของราคาประเมิน
ธนาคารกรุงไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีที่แข่งขันได้ (3.51%) สินเชื่อบ้านสำหรับผู้มีรายได้ประจำและผู้ประกอบอาชีพอิสระ วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มีผลิตภัณฑ์หลากหลายให้เลือกสรร รวมถึงสินเชื่อสำหรับพนักงานองค์กร และสินเชื่อเพื่อบ้านประหยัดพลังงาน สินเชื่อบ้านใหม่, สินเชื่อบ้านสวัสดิการพนักงานองค์กร, และสินเชื่อบ้าน SCB Green Loan วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน
ธนาคารทีเอ็มบีธนชาติ (ttb) มีอัตราดอกเบี้ยคงที่น่าสนใจ (3.30% ใน 3 ปีแรก) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์ สินเชื่อบ้านใหม่-บ้านมือสอง พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษและสิทธิประโยชน์ฟรีค่าประเมินหลักทรัพย์และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย
ธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารชั้นนำที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายและยืดหยุ่น เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการบ้านทั้งมือหนึ่งและมือสอง สินเชื่อบ้านมือหนึ่งและมือสองอัตราดอกเบี้ยพิเศษ วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน
ธนาคารกรุงศรี มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 4.90% สินเชื่อบ้านมือหนึ่งและมือสองที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษในระยะเริ่มต้น วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน

คำถามที่เราพบบ่อย

รีไฟแนนซ์บ้าน ขอเพิ่มวงเงินได้ จริงไหม?

รีไฟแนนซ์บ้าน ขอเพิ่มวงเงินได้

การรีไฟแนนซ์บ้านเปิดโอกาสให้คุณขอวงเงินเพิ่มได้ โดยวงเงินที่เพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่กับราคาประเมินใหม่ของบ้าน ซึ่งธนาคารอาจพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้ให้สูงถึง 90-100% ของราคาประเมิน โดยเงินส่วนต่างที่เกินจากยอดหนี้คงเหลือคุณจะได้รับเป็นเงินสด

รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

การรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่จะมีค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ได้แก่

  • ค่าธรรมเนียมการประเมินราคาหลักทรัพย์ ประมาณ 2,000 - 3,000 บาท
  • ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินที่จำนอง
  • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้
  • ค่าธรรมเนียมไถ่ถอนจำนอง ในบางกรณีอาจมีค่าปรับหากไถ่ถอนก่อนครบกำหนดตามเงื่อนไขสัญญา

ผ่อนบ้านกี่งวดจึงจะสามารถทำรีไฟแนนซ์บ้านได้?

โดยทั่วไปแล้วคุณควรผ่อนบ้านอย่างน้อย 36 งวด หรือ 3 ปี จึงจะสามารถทำรีไฟแนนซ์บ้านได้ เนื่องจากเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้กับธนาคารเดิมส่วนใหญ่มักจะระบุว่า หากมีการไถ่ถอนก่อนครบ 3 ปี จะต้องเสียค่าปรับนั่นเอง

การรีไฟแนนซ์บ้านต้องรอให้ครบ 3 ปีจริงหรือเปล่า?

ส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น เพราะธนาคารส่วนใหญ่มีเงื่อนไขให้ผ่อนชำระครบ 3 ปี เพื่อให้ครอบคลุมอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ให้ในช่วงแรก หากคุณต้องการรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนดจะต้องจ่ายค่าปรับ ซึ่งอาจทำให้ไม่คุ้มค่ากับการรีไฟแนนซ์ได้

การปรับโครงสร้างหนี้บ้านสามารถรีไฟแนนซ์ได้ไหม?

ไม่สามารถทำได้ทันที หากคุณเคยขอปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารเดิมแล้วจะยังไม่สามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ในทันที เพราะธนาคารใหม่จะพิจารณาจากประวัติการชำระหนี้ในอดีต ซึ่งการขอปรับโครงสร้างหนี้จะถูกบันทึกไว้ในเครดิตบูโร จึงควรชำระหนี้ให้เป็นปกติสักระยะหนึ่งก่อนจึงจะพิจารณายื่นรีไฟแนนซ์ใหม่อีกครั้ง

ควรยื่นสมัครรีไฟแนนซ์บ้าน ตอนไหนดีที่สุด?

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการยื่นรีไฟแนนซ์บ้าน คือ ช่วงก่อนหมดสัญญาผูกพันกับธนาคารเดิมประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้มีเวลาในการเตรียมเอกสาร เปรียบเทียบข้อเสนอ และดำเนินการต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น

หากมีประวัติเสียทางด้านการเงิน ยังสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม?

ทำได้ค่อนข้างยาก ธนาคารใหม่ส่วนใหญ่จะตรวจสอบประวัติทางการเงินจากเครดิตบูโรอย่างละเอียด หากพบประวัติเสียหรือการผิดนัดชำระหนี้ โอกาสในการอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์ก็จะต่ำลงอย่างมาก ดังนั้นคุณจึงควรแก้ไขประวัติทางการเงินให้ดีขึ้นก่อนยื่นสมัครใหม่

บ้านแบบไหน ที่รีไฟแนนซ์บ้านได้?

บ้านที่สามารถรีไฟแนนซ์ได้ คือ บ้านที่มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองอย่างถูกต้อง เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และต้องเป็นบ้านที่ไม่มีภาระหนี้อื่น ๆ ที่ผูกพันอยู่กับธนาคาร

รีไฟแนนซ์บ้านต้องทำประกัน MRTA ถึงจะกู้ผ่าน จริงไหม?

ไม่จริงเสมอไป การทำประกัน MRTA (ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ) เป็นเพียงตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อและยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ไม่ใช่ข้อบังคับที่จะต้องทำเพื่ออนุมัติสินเชื่อ

ยังไม่ถึงเวลาจะรีไฟแนนซ์บ้าน ควรทำยังไงดี?

หากคุณยังไม่ถึงกำหนดรีไฟแนนซ์บ้าน ควรลองเจรจา "รีเทนชัน" (Retention) กับธนาคารเดิมเพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่

สรุป

การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปรับโครงสร้างการเงินของคุณให้คล่องตัวขึ้น แต่ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ควรพิจารณาให้รอบด้าน ทั้งค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น เงื่อนไขธนาคาร และตัวเลือกสินเชื่อต่าง ๆ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้รับข้อเสนอที่เหมาะสมที่สุด

สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านคุณภาพ พร้อมทางเลือกทางการเงินที่คล่องตัว Frasers Property มีหลากหลายโครงการและหลายราคาให้เลือกสรร พร้อมด้วยทีมงานให้คำแนะนำเรื่องการรีไฟแนนซ์และสินเชื่ออย่างใกล้ชิด เพื่อให้การมีบ้านในฝันของคุณเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร:1520 หรือทาง Facebook: Frasers Property Home และ Line: @frasershome