วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็วเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและเป็นเจ้าของบ้านอย่างแท้จริงได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องนี้ธนาคารมักไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก เพราะการผ่อนหมดเร็วก็ทำให้ธนาคารได้รับดอกเบี้ยน้อยลง Frasers Property Home จึงขออาสามาเปิดเผยเทคนิคและวิธีการที่จะช่วยให้คุณผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และช่วยให้คุณเป็นอิสระทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว ตามมาดูกันเลย!
การผ่อนบ้านคืออะไร? ดีไหม?
การผ่อนบ้าน คือการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย เช่น บ้านเดี่ยว โดยผู้กู้จะผ่อนชำระคืนเป็นงวด ๆ พร้อมดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 20-30 ปี
ข้อดี-ข้อเสียของการผ่อนบ้าน
ข้อดีของการผ่อนบ้าน
- ช่วยให้ผู้ที่มีรายได้ไม่มากพอที่จะซื้อบ้านด้วยเงินสด สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้
- ช่วยสร้างสินทรัพย์ เพราะบ้านเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว
- ช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิต
- ดอกเบี้ยจากการผ่อนบ้านสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ข้อจำกัดของการผ่อนบ้าน
- ต้องเสียดอกเบี้ยให้กับสถาบันการเงิน
- มีภาระผูกพันระยะยาว ต้องผ่อนชำระหนี้เป็นระยะเวลานาน
- มีความเสี่ยง หากไม่สามารถผ่อนชำระได้ อาจถูกยึดบ้าน
ประเภทอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน
1. อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านแบบคงที่
อัตราดอกเบี้ยประเภทนี้จะถูกกำหนดไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน และจะคงที่ตลอดระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น 3 ปี หรือ 5 ปี ทำให้ผู้กู้สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงิน
2. อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านแบบลอยตัว
อัตราดอกเบี้ยประเภทนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของตลาด เช่น อัตราดอกเบี้ย MRR หรือ MLR ทำให้ผู้กู้อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงหากอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็มีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะลดลงหากอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง
ขั้นตอนการผ่อนสินเชื่อบ้านกับธนาคาร
การผ่อนสินเชื่อบ้านกับธนาคารเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการวางแผนและการเตรียมตัวที่ดี เพื่อให้การผ่อนชำระเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ โดยสามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- การเตรียมตัวก่อนการยื่นขอสินเชื่อ โดยเริ่มจากการตรวจสอบประวัติเครดิตบูโร เพื่อดูว่ามีหนี้สินค้างชำระหรือไม่ และเตรียมเอกสารที่จำเป็นสำหรับการยื่นกู้ให้พร้อม เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน และเอกสารแสดงรายได้อื่น ๆ
- การยื่นขอสินเชื่อ โดยเลือกธนาคารและโปรโมชันที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ จากนั้นยื่นเอกสารและส่งคำขอสินเชื่อให้กับธนาคารเพื่อพิจารณา
- ธนาคารจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้กู้และประเมินราคาหลักประกัน เมื่อผ่านการพิจารณา ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติสินเชื่อให้ทราบ
- เมื่อได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการทำสัญญาเงินกู้กับธนาคาร และจดจำนอง ณ กรมที่ดิน เพื่อเป็นหลักประกัน
- เริ่มผ่อนชำระเงินกู้ตามที่ระบุในสัญญา โดยควรตรวจสอบตารางการผ่อนชำระ และชำระให้ตรงตามเวลาที่กำหนดในแต่ละงวด เพื่อรักษาประวัติการชำระหนี้ที่ดี
9 วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว
การผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ลดดอกเบี้ยให้ได้มากที่สุด คือ เป้าหมายสูงสุดของคนมีบ้าน แต่ธนาคารมักไม่เคยบอกเคล็ดลับเลย ซึ่งเราได้รวบรวมวิธีผ่อนให้หมดเร็วมาไว้ ดังนี้
1. ชำระสินเชื่อให้ตรงเวลาเสมอ
การชำระสินเชื่อให้ตรงเวลาเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะจะช่วยรักษาประวัติการชำระหนี้ที่ดี และหลีกเลี่ยงค่าปรับหรือดอกเบี้ยเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้
2. ชำระเกินยอดทุกงวด
การชำระเกินยอดทุกงวดจะช่วยลดเงินต้นได้เร็วขึ้น ทำให้ดอกเบี้ยลดลง และผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น
ตัวอย่าง
หากค่างวดปกติคือ 10,000 บาท แนะนำให้ลองเพิ่มผ่อนบ้านเป็น 11,000 หรือ 12,000 บาท ต่อเดือนบ้าง เพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนของดอกเบี้ยที่จะเพิ่มพูนในอนาคต
3. เร่งโปะในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ดอกเบี้ยคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกู้เงินซื้อบ้านจากธนาคาร ดังนั้นทุกงวดที่เราจ่ายจึงจะถูกหักดอกเบี้ยออกไปก่อน ส่วนที่เหลือถึงจะไปลดเงินต้น แต่รู้ไหมว่า ช่วง 3 ปีแรกของการกู้บ้าน ธนาคารมักมีโปรดอกเบี้ยพิเศษ ทำให้ดอกเบี้ยที่เราจ่ายน้อยลงกว่าช่วงหลัง ๆ ซึ่งช่วงนี้แหละคือโอกาสทอง ขอแนะนำให้รีบโปะบ้านให้หนัก ๆ จ่ายมากกว่าค่างวดปกติเยอะ ๆ เพราะเงินส่วนเกินที่จ่ายไป จะไปลดเงินต้นแบบเต็ม ๆ ให้อาศัยจังหวะดอกเบี้ยต่ำนี้ เร่งลดเงินต้น ก็จะช่วยให้คุณหมดหนี้บ้านได้ไวกว่าที่คิด
4. งดการสร้างภาระหนี้สินเพิ่ม
การมีหนี้สินน้อยลง จะช่วยให้มีเงินเหลือไปโปะบ้านได้มากขึ้น เพราะเงินที่เรามีจะไม่ได้ถูกแบ่งสันปันส่วนไปใช้ในหนี้ส่วนอื่นมากนัก
ตัวอย่าง
- หากเดิมทีคุณวางแผนจะซื้อรถใหม่ ลองพิจารณาใช้รถคันเดิมไปก่อน หรือหากต้องการซื้อของใช้ราคาแพง ก็ให้ลองพิจารณาซื้อของมือสองที่มีคุณภาพดีแทน
- หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินตัว เช่น การซื้อของฟุ่มเฟือย หรือการใช้บัตรเครดิตเกินความจำเป็น
5. วางแผนบันทึกรายรับ-รายจ่าย เพื่อเพิ่มยอดชำระสินเชื่อ
การทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยให้เห็นภาพรวมการเงิน และรู้ว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่สามารถลดลงได้ เมื่อเราเห็นภาพรวมทางการเงินของตัวเองแล้ว เราจะรู้ว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่เราสามารถตัดออกไปได้บ้าง และให้นำเงินส่วนนั้นมาโปะบ้านเพิ่มแทน
ตัวอย่าง
- ทำบัญชีรายรับรายจ่ายทุกเดือน โดยจดบันทึกทุกรายการ จากนั้นวิเคราะห์ว่ามีค่าใช้จ่ายใดที่ไม่จำเป็น เช่น ค่ากาแฟ ค่าอาหารนอกบ้าน หรือค่าสมัครสมาชิกที่ไม่ค่อยได้ใช้ หากลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ ก็จะมีเงินเหลือไปโปะบ้านได้มากขึ้นนั่นเอง
- ตั้งเป้าหมายการออมเงินในแต่ละเดือน และพยายามทำตามเป้าหมายนั้นอย่างเคร่งครัด
6. หางวดโปะเงินก้อนใหญ่ปีละครั้ง หรือเมื่อมีโอกาส
การโปะเงินก้อนใหญ่จะช่วยลดเงินต้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ดอกเบี้ยลดลง และยังช่วยลดระยะเวลาการผ่อนบ้านได้เป็นอย่างมาก
ตัวอย่าง
- เมื่อได้รับโบนัสประจำปี หรือเงินปันผลจากการลงทุน ให้ลองนำเงินส่วนหนึ่งไปโปะบ้าน หรือหากมีรายได้พิเศษจากการขายของออนไลน์ หรือรับงานฟรีแลนซ์ ก็สามารถนำเงินส่วนนี้ไปโปะบ้านได้เช่นกัน
- หรือเมื่อได้รับเงินจากการขายของที่ไม่ใช้แล้ว เช่น เสื้อผ้า หรือเฟอร์นิเจอร์ ก็สามารถนำเงินส่วนนี้มาโปะบ้านได้
7. รีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่น
การรีไฟแนนซ์ คือ การย้ายสินเชื่อบ้านไปยังธนาคารใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ส่วนการรีเทนชั่น คือ การขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ช่วยลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาวได้ โดยควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของธนาคารต่าง ๆ ทุก 3 ปี เพื่อให้คุณได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุดและประหยัดดอกเบี้ยได้มากที่สุด
ตัวอย่าง
เมื่อครบกำหนด 3 ปี ให้ลองเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเดิมและธนาคารอื่น ๆ หากพบว่ามีธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ก็สามารถรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ หรือขอรีเทนชั่นกับธนาคารเดิมได้
8. สำรองเงินฉุกเฉิน 6-12 เดือนของค่าใช้จ่าย
การมีเงินสำรองฉุกเฉินจะช่วยป้องกันไม่ให้ต้องนำเงินโปะบ้านออกมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ตกงาน เจ็บป่วย หรือค่าซ่อมบ้าน
ตัวอย่าง
ควรคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนทั้งหมด จากนั้นคูณด้วย 6 หรือ 12 เพื่อให้ได้จำนวนเงินสำรองฉุกเฉินที่เหมาะสมที่ควรเตรียมไว้
เช่น หากมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท ก็ควรมีเงินสำรองฉุกเฉิน 120,000-240,000 บาทนั่นเอง
9. หารายได้เสริม
การมีรายได้เสริมจะช่วยให้มีเงินเหลือไปโปะบ้านได้มากขึ้น และช่วยลดระยะเวลาการผ่อนบ้านได้ แถมยังช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
ผ่อนบ้านต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
การเตรียมตัวผ่อนบ้านเป็นกระบวนการที่สำคัญและต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้การผ่อนบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อการเงินส่วนตัว โดยมีขั้นตอนสำคัญที่คุณควรเตรียมตัว ดังนี้
-
ตรวจสอบภาระหนี้สิน
ก่อนที่จะเริ่มผ่อนบ้าน ควรตรวจสอบภาระหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้รถยนต์ หรือหนี้สินอื่นๆ เพื่อประเมินว่ามีภาระหนี้สินที่ต้องชำระในแต่ละเดือนเท่าไหร่ และจะสามารถผ่อนบ้านได้หรือไม่? -
ศึกษาข้อมูลสินเชื่อบ้านกับธนาคาร
รวมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อบ้านจากธนาคารต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข และโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานะทางการเงินของคุณ -
เก็บเงินก้อนสำหรับดาวน์บ้าน
การมีเงินดาวน์บ้านจะช่วยลดภาระการผ่อนชำระในแต่ละเดือน และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร ดังนั้นจึงควรวางแผนเก็บเงินดาวน์บ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีเงินก้อนเพียงพอเมื่อถึงเวลาที่ต้องการซื้อบ้าน -
เตรียมเอกสารสำหรับขอสินเชื่อบ้าน
ที่สำคัญควรเตรียมเอกสารที่จำเป็นสำหรับการขอสินเชื่อบ้านให้พร้อม เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน หรือเอกสารแสดงรายได้อื่น ๆ เพื่อให้กระบวนการขอสินเชื่อเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น -
ประเมินคุณสมบัติ และความสามารถในการขอสินเชื่อ
ประเมินคุณสมบัติต่าง ๆ ของตนเอง เช่น รายได้ ประวัติการชำระหนี้ และภาระหนี้สิน เพื่อประเมินว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการขอสินเชื่อบ้านหรือไม่ และจะสามารถผ่อนชำระได้ในระยะยาวหรือไม่?
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว
โปะบ้านคืออะไร? ดีไหม?
การ "โปะบ้าน" หมายถึงการชำระเงินค่าบ้านเกินกว่าค่างวดที่ธนาคารกำหนดในแต่ละเดือน โดยเงินส่วนเกินนี้จะถูกนำไปลดเงินต้น ทำให้ยอดหนี้ลดลง และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในอนาคตก็จะลดลงตามไปด้วย
ควรโปะบ้านกี่เปอร์เซ็นต์?
ทั้งนี้ไม่มีตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่ตายตัวสำหรับการโปะบ้าน แต่จะขึ้นอยู่กับความสามารถทางการเงินของแต่ละบุคคล โดยการโปะบ้านแม้เพียงเล็กน้อยอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้มาก หรือการโปะเงินก้อนใหญ่เมื่อมีโอกาส เช่น เงินโบนัส ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดเงินต้นได้อย่างรวดเร็ว
โปะบ้านช่วงไหนดีที่สุด?
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโปะบ้าน คือ ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะในช่วง 3-5 ปีแรกของสัญญา เนื่องจากเงินที่โปะจะถูกนำไปลดเงินต้นได้เต็มที่ ทำให้ประหยัดดอกเบี้ยได้มากขึ้น
ควรดาวน์บ้านกี่ % ให้ผ่อนสบาย?
การวางเงินดาวน์บ้านจำนวนมากจะช่วยลดภาระการผ่อนต่อเดือนได้เยอะมาก ๆ โดยทั่วไปการดาวน์ 20% ขึ้นไปถือว่าเหมาะสมแล้ว แต่หากมีกำลังทรัพย์ การดาวน์มากกว่านั้นก็จะยิ่งช่วยให้ผ่อนสบายยิ่งขึ้น
ควรซื้อบ้านตอนอายุเท่าไหร่ดี?
ช่วงอายุที่เหมาะสมในการซื้อบ้าน ขึ้นอยู่กับความพร้อมทางการเงินและเป้าหมายในชีวิตของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วช่วงอายุ 25-35 ปีเป็นช่วงที่หลายคนเริ่มมีรายได้มั่นคงและเริ่มวางแผนสร้างครอบครัว จึงเริ่มมักซื้อบ้านกันในช่วงอายุนี้ อ่านคู่มือ ซื้อบ้านหลังแรก เพิ่มเติม
การผ่อนบ้านให้หมดไว ทำได้จริงหรือไม่?
การผ่อนบ้านให้หมดเร็วเป็นสิ่งที่ทำได้จริง โดยต้องอาศัยการวางแผนทางการเงินที่ดี การโปะบ้านอย่างสม่ำเสมอ การรีไฟแนนซ์เมื่อมีโอกาส และการควบคุมค่าใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งการมีวินัยทางการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการผ่อนบ้านให้หมดได้เร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง
สรุป วิธีการผ่อนบ้านให้หมดเร็ว
การผ่อนบ้านให้หมดเร็วเป็นเป้าหมายที่ใครหลายคนปรารถนา ซึ่งสามารถทำได้จริงหากมีการวางแผนและปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสม โดยหัวใจสำคัญคือการลดภาระหนี้สิน เพิ่มรายได้ และบริหารจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้การรีไฟแนนซ์หรือรีเทนชั่นทุก 3 ปี เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ค่างวดลดลงหรือมีเงินเหลือไปโปะบ้านได้มากขึ้น ทั้งนี้การจะผ่อนบ้านให้หมดเร็วต้องอาศัยวินัยและความสม่ำเสมอในการจัดการการเงิน แต่ผลตอบแทนที่ได้จะคุ้มค่าแน่นอน นั่นก็คือการปลดหนี้บ้านได้อย่างรวดเร็วและมีอิสระทางการเงินมากขึ้น
Frasers Property Home เข้าใจความต้องการของคนอยากมีบ้าน เราจึงมีโครงการบ้านคุณภาพหลากหลายรูปแบบ ที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษ เพื่อให้คุณเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณผ่อนบ้านได้อย่างสบายใจและหมดหนี้ได้อย่างรวดเร็ว