ประกันบ้าน คืออะไร? มีกี่ประเภท ความคุ้มครอง ข้อดีและข้อยกเว้น

ประกันบ้าน คือหนึ่งในรูปแบบประกันภัยที่ช่วยปกป้องทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดอย่างบ้านที่อยู่อาศัยของคุณจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การทำประกันบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความอุ่นใจและลดภาระทางการเงินให้กับคุณได้ หากเกิดความเสียหายขึ้น แล้วประกันบ้านมีกี่ประเภท คุ้มครองอะไรบ้าง มีข้อดีและข้อยกเว้นอย่างไร? มาหาคำตอบกันในบทความนี้

รู้จัก!ประกันบ้าน คืออะไร?

ความหมายประกันบ้าน

ประกันบ้าน คือประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้าง (บ้าน, ทาวน์เฮาส์, อาคารพาณิชย์) รวมถึงทรัพย์สินภายในบ้านจากภัยที่ระบุในกรมธรรม์ เช่น กรณีเกิดไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ และการโจรกรรม โดยบริษัทประกันจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามที่ตกลงกันไว้ให้กับคุณ หากเกิดกรณีที่ไม่คาดคิดเหล่านี้ขึ้น

ประกันภัยบ้าน มีกี่ประเภท? ประเภทใดบ้าง

ประกันภัยบ้าน มีกี่ประเภท

ประกันภัยบ้านมีหลากหลายประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้เอาประกันภัย ซึ่งมีทั้งหมด 4 ประเภทหลัก ดังนี้

  1. ประกันบ้าน ประเภทอัคคีภัย
    นี่คือประกันภัยพื้นฐานที่คุ้มครองความเสียหายจากไฟไหม้, ฟ้าผ่า (รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย), การระเบิด, ภัยจากยานพาหนะ และ ภัยจากอากาศยาน บางกรมธรรม์อาจขยายความคุ้มครองถึงภัยจากการจลาจล (แต่ไม่รวมภัยก่อการร้าย) ประกันรูปแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองหลักจากเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อบ้านและทรัพย์สิน

  2. ประกันบ้าน ประเภทโจรกรรม 
    ประกันประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ รวมถึงความเสียหายต่อตัวบ้านที่เกิดจากการบุกรุกเพื่อการโจรกรรม เช่น ประตู หน้าต่างที่เสียหายจากการงัดแงะ ซึ่งเงื่อนไขและวงเงินคุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้านจะถูกระบุไว้อย่างชัดเจนในกรมธรรม์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความอุ่นใจจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของทรัพย์สิน

  3. ประกันบ้าน ประเภทภัยพิบัติ
    ประกันประเภทนี้จะครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ระบุไว้ในกรมธรรม์อย่างชัดเจน เช่น น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, ลมพายุ, ลูกเห็บ และภูเขาไฟระเบิด (ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเน้นน้ำท่วม แผ่นดินไหว และลมพายุ) โดยมักมีการกำหนดวงเงินความคุ้มครองสำหรับแต่ละภัยพิบัติไว้โดยเฉพาะ ซึ่งแผนประกันนี้อาจเป็นส่วนเพิ่มเติมจากประกันอัคคีภัย หรือเป็นแผนที่แยกออกมาโดยเฉพาะเลยก็ได้ เป็นแผนประกันที่เหมาะสำหรับบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ

  4. ประกันบ้าน ประเภทวงเงินสินเชื่อ (MRTA/MLTA) 
    ประกันนี้ไม่ใช่ประกันบ้านโดยตรง แต่เป็นประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Reducing Term Assurance - MRTA หรือ Mortgage Level Term Assurance - MLTA) ซึ่งผู้กู้ทำกับธนาคารที่ให้สินเชื่อบ้าน เพื่อคุ้มครองภาระหนี้สินเชื่อบ้าน หากผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง บริษัทประกันจะจ่ายเงินต้นคงเหลือให้กับธนาคาร ทำให้ภาระหนี้ไม่ตกเป็นของทายาท แม้จะไม่ได้คุ้มครองตัวบ้าน แต่เป็นการคุ้มครองภาระทางการเงินที่ผูกติดกับบ้าน เหมาะสำหรับผู้ที่กู้ซื้อบ้านและต้องการสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว
    อ่านข้อควรรู้ก่อนทำ ประกัน mrta เพิ่มเติม

 

ประกันบ้าน (Home Insurance) คุ้มครองอะไรได้บ้าง?

ประกันบ้าน (Home Insurance) คุ้มครองอะไร

ประกันบ้าน หรือ Home Insurance เป็นการคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินภายในบ้าน ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ประกันบ้านโดยทั่วไปคุ้มครองอะไรได้บ้าง?

  • ให้คุ้มครองความเสียหายต่อตัวบ้านและโครงสร้างอาคาร เช่น ผนัง หลังคา พื้น ประตู หน้าต่าง ที่เกิดจากภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, ลมพายุ, ไฟไหม้, ฟ้าผ่า) หรือภัยอื่น ๆ ตามที่ระบุในกรมธรรม์

  • คุ้มครองความเสียหายหรือการสูญหายของเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า และทรัพย์สินส่วนตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในบ้าน ซึ่งเกิดจากภัยที่ระบุในกรมธรรม์ เช่น ไฟไหม้, โจรกรรม

  • ครอบคลุมความเสียหายจากเหตุการณ์ธรรมชาติ เช่น ไฟไหม้, ฟ้าผ่า, แผ่นดินไหว, ลมพายุ, น้ำท่วม, ภูเขาไฟระเบิด และสึนามิ (อาจมีเงื่อนไขและวงเงินจำกัดแตกต่างกันไปในแต่ละกรมธรรม์)

  • คุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายของทรัพย์สินภายในบ้านอันเนื่องมาจากการถูกงัดแงะ ลักทรัพย์ หรือโจรกรรม รวมถึงความเสียหายต่อตัวอาคารที่เกิดจากการกระทำดังกล่าว (แต่ทั้งนี้อาจมีเงื่อนไขเรื่องการแจ้งความและหลักฐานที่ต้องดำเนินการตาม)

  • คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกที่มาเยี่ยมบ้าน หรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่เกิดจากเหตุการณ์ภายในบ้านของเรา เช่น มีคนลื่นล้มบาดเจ็บในบ้าน หรือต้นไม้ในบ้านล้มทับรถข้างบ้าน

  • บางกรมธรรม์อาจคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการเช่าที่พักชั่วคราว หากบ้านได้รับความเสียหายจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ และต้องใช้เวลาในการซ่อมแซม

  • คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากน้ำ เช่น ท่อน้ำแตก น้ำรั่วซึม (ยกเว้นความเสียหายที่เกิดจากการละเลยการบำรุงรักษา)

  • บางกรมธรรม์อาจขยายความคุ้มครองไปถึงความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของผู้ก่อการร้าย (แต่ส่วนใหญ่มักเป็นความคุ้มครองเสริมที่ต้องซื้อเพิ่ม)

ข้อดีของประกันบ้าน มีอะไรบ้าง?

ข้อดีประกันบ้าน

ประกันบ้านมีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้เจ้าของบ้านอุ่นใจและมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินอันมีค่า อาทิเช่น

  • ลดภาระทางการเงินเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เพราะหากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น ไฟไหม้, น้ำท่วม, หรือโจรกรรม ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมีมูลค่าสูงมาก การมีประกันบ้านจะช่วยให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือจัดซื้อทรัพย์สินใหม่ทั้งหมดด้วยตนเอง

  • ช่วยสร้างความอุ่นใจและความมั่นคงในชีวิต เพราะการรู้ว่าบ้านและทรัพย์สินของคุณได้รับการคุ้มครอง จะทำให้คุณคลายความกังวลและสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างสบายใจมากขึ้น โดยไม่ต้องกลัวว่าหากเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีเงินซ่อมแซมหรือซื้อใหม่

  • ประกันบ้านไม่ได้คุ้มครองแค่ไฟไหม้เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมภัยอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, ลมพายุ), โจรกรรม, ความเสียหายจากน้ำ, และความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าบ้านของคุณจะได้รับการดูแลในสถานการณ์ที่หลากหลาย

  • ไม่ใช่แค่ตัวอาคารบ้านเท่านั้นที่ได้รับการคุ้มครอง แต่ทรัพย์สินมีค่าที่คุณสะสมไว้ภายในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือของตกแต่งบ้าน ก็จะได้รับการคุ้มครองด้วยเช่นกัน ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าของมีค่าจะเสียหายหรือสูญหายไปโดยเปล่าประโยชน์

  • หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้บุคคลภายนอกได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหายภายในบริเวณบ้านของคุณ ประกันบ้านจะเข้ามาช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ทำให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระทางกฎหมายและการเงินเองในกรณีที่ไม่คาดฝัน

  • ในกรณีที่บ้านได้รับความเสียหายรุนแรงจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ บางกรมธรรม์จะให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการเช่าที่พักชั่วคราวระหว่างที่บ้านกำลังได้รับการซ่อมแซม ทำให้คุณมีที่พักพิงและไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

  • ประกันบ้านส่วนใหญ่มีความยืดหยุ่น คุณสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณได้ เช่น เพิ่มวงเงินคุ้มครองทรัพย์สิน, เพิ่มความคุ้มครองภัยก่อการร้าย หรือภัยพิเศษอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้รับความคุ้มครองที่ตรงใจที่สุด

ข้อยกเว้นที่ประกันบ้านไม่คุ้มครอง  มีอะไรบ้าง?

แม้ว่าประกันบ้านจะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม แต่ก็มีบางกรณีที่ประกันภัยบ้านไม่คุ้มครอง ซึ่งผู้เอาประกันภัยควรทราบ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและวางแผนรับมือได้อย่างถูกต้อง โดยมีเงื่อนไขที่ประกันไม่คุ้มครอง ดังนี้

  • ประกันบ้านจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานปกติ การสึกหรอตามกาลเวลา หรือการเสื่อมสภาพของวัสดุ เช่น สีซีดจาง และหลังคารั่วซึมจากการไม่บำรุงรักษา เป็นต้น

  • ความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการกระทำโดยเจตนาของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านนั้น 

  • ความเสียหายอันเกิดจากบ้านสร้างไม่ได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรม หรือมีการต่อเติมที่ผิดกฎหมายหรือไม่ได้รับอนุญาต 

  • บางกรมธรรม์อาจมีข้อยกเว้นสำหรับทรัพย์สินบางประเภทที่ไม่ได้ติดอยู่กับตัวบ้านถาวร หรือไม่ได้อยู่ในรายการทรัพย์สินที่ต้องคุ้มครองพิเศษ

  • โดยทั่วไปแล้ว กรมธรรม์ประกันบ้านพื้นฐานจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากสงคราม การก่อการร้าย หรือการจลาจล ยกเว้นว่าจะมีการซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับภัยเหล่านี้

  • บางกรมธรรม์อาจมีเงื่อนไขว่า หากบ้านถูกทิ้งร้าง ไม่มีผู้อยู่อาศัยเป็นระยะเวลานาน (เช่น เกิน 30-60 วันติดต่อกัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขกรมธรรม์) เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ประกันอาจจะไม่ได้คุ้มครอง

  • ความเสียหายที่เกิดจากแมลง หรือสัตว์กัดแทะ เช่น ปลวก มด หนู หรือสัตว์อื่น ๆ ที่กัดกินทำลายโครงสร้างหรือทรัพย์สิน

  • ความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะ หรือการปนเปื้อน เช่น มลพิษทางอากาศ, การปนเปื้อนสารเคมี หรือรังสี

  • ประกันจะคุ้มครองเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้เท่านั้น

  • ทรัพย์สินบางประเภทที่ไม่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ หรือทรัพย์สินมีค่าสูงพิเศษ เช่น เงินสด ทองคำ อัญมณี งานศิลปะ หรือของสะสมที่มีมูลค่าสูงมาก หากไม่ได้ระบุรายละเอียดและมีการตกลงวงเงินคุ้มครองไว้เป็นพิเศษในกรมธรรม์ อาจไม่ได้รับการคุ้มครองเต็มจำนวนหรืออาจไม่คุ้มครองเลย

แชร์การเลือกซื้อประกันภัยบ้าน สำหรับมือใหม่

แชร์การเลือกซื้อประกันภัยบ้านสำหรับมือใหม่

สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาประกันภัยบ้าน มีหลักการและข้อควรพิจารณาดังนี้

  1. สิ่งแรกที่ต้องทำ คือประเมินมูลค่าของบ้าน (โครงสร้าง) และทรัพย์สินภายในบ้าน (เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของมีค่า) ให้ใกล้เคียงกับมูลค่าจริงมากที่สุด เพื่อกำหนดวงเงินเอาประกันภัยที่เหมาะสม ทั้งนี้ต้องไม่ประเมินสูงมากเกินไปจนเสียค่าเบี้ยแพงโดยไม่จำเป็น หรือน้อยเกินไปจนไม่ครอบคลุมความเสียหาย

  2. เนื่องจากประกันบ้านมีหลายแผน แต่ละแผนอาจคุ้มครองภัยที่แตกต่างกันไป เช่น แผนพื้นฐานอาจคุ้มครองแค่ไฟไหม้ และฟ้าผ่า แต่แผนที่ให้ความคุ้มครองสูงขึ้นจะครอบคลุมเมื่อเกิดน้ำท่วม แผ่นดินไหว และการโจรกรรมร่วมด้วย เป็นต้น ดังนั้นจึงควรพิจารณาว่าบ้านของคุณมีความเสี่ยงต่อภัยประเภทใดมากที่สุด เพื่อเลือกแผ่นประกันที่เหมาะสม

  3. อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การอ่านและทำความเข้าใจ "ข้อยกเว้น" ที่ประกันภัยจะไม่คุ้มครอง เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดในอนาคต

  4. หากคุณมีทรัพย์สินมีค่าพิเศษ หรือบ้านอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเฉพาะ เช่น อยู่ในพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง อาจพิจารณาซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับภัยเหล่านั้น

  5. ทั้งนี้อย่าตัดสินใจเลือกบริษัทใดบริษัทหนึ่งทันที ควรขอใบเสนอราคาจากหลาย ๆ บริษัทประกัน เพื่อเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัย วงเงินความคุ้มครอง และเงื่อนไขต่าง ๆ

  6. เลือกบริษัทที่มีความมั่นคงทางการเงิน มีบริการลูกค้าที่ดี และมีประวัติการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่รวดเร็วและเป็นธรรม

  7. ก่อนตัดสินใจทำประกัน ควรอ่านเอกสารกรมธรรม์ทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยเฉพาะส่วนของเงื่อนไขความคุ้มครอง ข้อยกเว้น และขั้นตอนการเคลม หากมีข้อสงสัยให้สอบถามตัวแทนหรือบริษัทประกันจนกว่าจะเข้าใจความคุ้มครองอย่างแท้จริง

  8. หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับข้อมูลประกันภัย แนะนำให้ปรึกษาตัวแทนประกันภัย หรือนายหน้าประกันภัย ที่มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกแผนประกันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบ้านของคุณ

ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อประกันภัยบ้าน ที่ไหนดี 

การเลือกซื้อประกันภัยบ้านจากบริษัทประกันภัยที่ดีนั้น มีข้อพิจารณาที่สำคัญดังนี้

  1. ความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของบริษัทประกันภัย แนะนำให้เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในตลาด มีประวัติการดำเนินงานที่ดี

  2. ตรวจสอบว่าแผนประกันภัยครอบคลุมภัยหลักที่คุณกังวลหรือยัง เช่น ครอบคลุมเมื่อเกิดไฟไหม้, น้ำท่วม, แผ่นดินไหว หรือโจรกรรม ร่วมด้วยไหม หากยังไม่ครอบคลุมแนะนำให้พิจารณาว่ามีตัวเลือกความคุ้มครองเพิ่มเติมที่คุณต้องการหรือไม่ เช่น ความเสียหายจากภัยก่อการร้าย, ค่าที่พักชั่วคราว เป็นต้น

  3. เลือกวงเงินเอาประกันภัยควรเพียงพอต่อมูลค่าการก่อสร้างบ้านใหม่ หรือการซื้อทรัพย์สินใหม่ในกรณีที่เกิดความเสียหายรุนแรง

  4. เปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยกับวงเงินความคุ้มครองและเงื่อนไขต่าง ๆ จากหลาย ๆ บริษัท เพื่อให้ได้แผนที่คุ้มค่าที่สุด

  5. เลือกบริษัทที่มีกระบวนการเคลมที่ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาในการพิจารณาและจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่รวดเร็ว

คำถามที่พบบ่อย

เลือกทุนประกันบ้านเท่าไหร่ดี ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?

การเลือกทุนประกันบ้านเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอเมื่อเกิดความเสียหาย ควรพิจารณาดังนี้

  • เพื่อให้มั่นใจว่าประกันบ้านให้ความคุ้มครองเพียงพอ คุณควรเลือกทุนประกันที่ครอบคลุมมูลค่าการก่อสร้างบ้านใหม่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ราคาที่ซื้อมาในอดีต เพราะราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามเวลา ดังนั้นให้ประเมินว่าหากต้องสร้างโครงสร้างบ้านใหม่ทั้งหมดในตอนนี้ จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ เพื่อให้ได้วงเงินคุ้มครองที่เหมาะสมที่สุด

  • ประเมินมูลค่าทรัพย์สินภายในบ้าน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และของมีค่าอื่น ๆ โดยควรพิจารณาทำประกันให้ครอบคลุมกับมูลค่าทรัพย์สินเหล่านี้

  • ทั้งนี้ต้องไม่ลืมคำนวณ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ร่วมด้วย เช่น ค่ารื้อถอนซาก หากบ้านเสียหายรุนแรงจนต้องรื้อถอน และค่าที่พักชั่วคราว หากไม่สามารถอยู่อาศัยในบ้านได้ระหว่างซ่อมแซม

  • สุดท้ายแล้วต้องคำนวณราคาประเมินค่าก่อสร้างต่อตารางเมตรของบริษัทประกันภัยร่วมด้วย หรือสอบถามผู้รับเหมาเพื่อประมาณการราคาค่าก่อสร้างใหม่

ซึ่งการประเมินวงเงินในการทำประกัน ควรครอบคลุมค่าใช้จ่ายดังข้างต้นทั้งหมดนี้ โดยไม่ควรเลือกทุนประกันต่ำเกินไป เพราะหากเกิดความเสียหายเต็มจำนวน อาจได้รับค่าสินไหมทดแทนไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ทั้งหมดนั่นเอง

เบี้ยประกันภัยจะเพิ่มขึ้นในแต่ละปีหรือไม่?

โดยทั่วไปเบี้ยประกันภัยบ้านอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นได้ในแต่ละปี แม้ว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นตายตัวทุกปี แต่ก็มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลให้เบี้ยฯ เพิ่มขึ้นได้ เช่น

  • ความเสี่ยงภัยที่เพิ่มขึ้น หากพื้นที่ที่บ้านตั้งอยู่มีความเสี่ยงภัยธรรมชาติ (เช่น น้ำท่วม, พายุ) มากขึ้น เบี้ยฯ ก็อาจสูงขึ้น
  • มูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น หากคุณมีการปรับปรุงหรือเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินภายในบ้าน อาจต้องปรับเพิ่มทุนประกัน ซึ่งจะทำให้เบี้ยฯ สูงขึ้นตาม
  • อัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่สูงขึ้น อาจส่งผลให้ทุนประกันต้องปรับขึ้นเพื่อให้คุ้มครองอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้เบี้ยฯ เพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
  • หากมีการเคลมบ่อยครั้งหรือเคลมด้วยมูลค่าสูง บริษัทประกันก็อาจพิจารณาปรับเบี้ยฯ ในปีถัดไปเพิ่มขึ้นได้

กู้บ้านไม่ทำประกัน ได้หรือไม่?

โดยทั่วไปแล้วสำหรับการกู้ซื้อบ้านในประเทศไทย ธนาคารมักจะกำหนดให้ผู้กู้ต้องทำประกันภัยบางประเภทควบคู่ไปด้วย เพื่อลดความเสี่ยงของธนาคารในฐานะผู้ให้สินเชื่อ หากเกิดความเสียหายต่อหลักประกัน (บ้าน) ธนาคารจะมั่นใจได้ว่าจะได้รับการชดเชย ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายทางการเงินของทั้งผู้กู้และธนาคารเอง

กู้บ้าน จำเป็นต้องทําประกันอัคคีภัยไหม?

การทำประกันอัคคีภัยเป็นข้อกำหนดมาตรฐานที่ธนาคารส่วนใหญ่บังคับให้ผู้กู้ทำ เพื่อเป็นหลักประกันให้กับตัวสินเชื่อบ้าน หากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ หรือภัยอื่น ๆ ที่ระบุในกรมธรรม์ บริษัทประกันจะชดเชยค่าเสียหายให้กับธนาคาร ทำให้ธนาคารได้รับเงินคืนและภาระหนี้ของผู้กู้ก็จะได้ไม่สูญเปล่าไปกับบ้านที่เสียหายนั่นเอง

ประกันบ้านปีละกี่บาท?

ค่าเบี้ยประกันบ้านแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

  • มูลค่าทุนประกัน ยิ่งทุนประกันสูง ค่าเบี้ยฯ ก็ยิ่งสูง
  • แผนประกันที่ครอบคลุมภัยหลากหลายประเภท (เช่น อัคคีภัย โจรกรรม ภัยธรรมชาติ) จะมีเบี้ยฯ สูงกว่าแผนพื้นฐาน
  • หากบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย (เช่น น้ำท่วม, แผ่นดินไหว) ก็จะมีเบี้ยฯ สูงกว่าบริเวณอื่น ๆ
  • ประเภทของวัสดุก่อสร้าง ขนาดบ้าน หรือความเสี่ยงอื่น ๆ ของโครงสร้าง
  • หากมีประวัติการเคลม อาจส่งผลต่อเบี้ยฯ ในปีถัดไป

โดยทั่วไปเบี้ยประกันบ้านพื้นฐานอาจเริ่มต้นที่ประมาณหลักร้อยถึงหลักพันบาทต่อปี สำหรับความคุ้มครองขั้นต่ำ แต่สำหรับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้นหรือบ้านที่มีมูลค่าสูง อาจมีเบี้ยฯ สูงถึงหลักหมื่นบาทต่อปีได้

เคลมประกันบ้านใช้เวลากี่วัน?

ระยะเวลาในการเคลมประกันบ้านนั้น แตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทและขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละกรณี ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณนี้

  • ควรแจ้งบริษัทประกันภัยทันทีที่เกิดเหตุ (ภายใน 3-7 วันทำการ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
  • บริษัทประกันจะส่งเจ้าหน้าที่หรือผู้สำรวจภัยเข้ามาประเมินความเสียหาย ซึ่งอาจใช้เวลา 1-3 วันทำการหลังการแจ้งเหตุ หรือนานกว่านั้นหากเป็นเหตุการณ์ใหญ่
  • คุณจะต้องรวบรวมและยื่นเอกสารประกอบการเคลมให้ครบถ้วน (เช่น รูปถ่ายความเสียหาย, รายการทรัพย์สินที่เสียหาย, ใบเสร็จ, สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน)
  • หากเอกสารครบถ้วนและไม่มีข้อสงสัย บริษัทประกันจะพิจารณาอนุมัติการจ่ายสินไหมทดแทน โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 15 วันทำการ นับจากวันที่บริษัทได้รับเอกสารครบถ้วนและมีการตกลงค่าเสียหาย
  • หากการเคลมได้รับการอนุมัติ บริษัทประกันจะดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยภายใน 7-15 วันทำการ นับจากวันที่ผู้เอาประกันภัยตกลงยอมรับจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทน

แต่ในกรณีที่มีความซับซ้อน เช่น ต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติม หรือภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ระยะเวลาในการเคลมอาจนานถึง 30-90 วันทำการได้ตามที่ระบุในข้อกำหนดของ คปภ. และเงื่อนไขกรมธรรม์

สรุป

ประกันบ้าน เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปกป้องทรัพย์สินอันมีค่าที่สุดของเราจากหลากหลายความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างไฟไหม้ การโจรกรรม หรือภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมและแผ่นดินไหว โดยหลัก ๆ แล้วประกันบ้านมีหลายประเภทให้เลือก ทั้งประกันอัคคีภัยที่เป็นพื้นฐาน, ประกันโจรกรรมที่คุ้มครองทรัพย์สินจากการถูกขโมย, ประกันภัยพิบัติสำหรับบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ไปจนถึงประกันวงเงินสินเชื่อ (MRTA/MLTA) ที่ช่วยคุ้มครองภาระหนี้บ้าน

การเลือกประกันบ้านที่เหมาะสมนั้น คุณควรพิจารณาความคุ้มครองที่ครอบคลุมภัยที่กังวล และเลือกทุนประกันให้เพียงพอต่อมูลค่าการก่อสร้างบ้านใหม่ในปัจจุบัน ที่สำคัญคือต้องทำความเข้าใจข้อดี ข้อเสีย รวมถึงข้อยกเว้นต่าง ๆ ในกรมธรรม์ก่อนตัดสินใจทำ

ทั้งนี้การทำประกันบ้านเป็นสิ่งจำเป็นที่บ้านทุกหลังควรมี เพราะไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงทางการเงิน แต่ยังมอบความอุ่นใจและมั่นคงให้กับชีวิตและครอบครัวของคุณด้วย

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

investopedia. What Is Homeowners Insurance and How Does It Work?. By Julia Kagan. Updated March 05, 2024
https://www.investopedia.com/terms/h/homeowners-insurance.asp


consumerfinance. What is homeowner's insurance? Why is homeowner's insurance required?.AUG 08, 2024
https://www.consumerfinance.gov/ask-cfpb/what-is-homeowners-insurance-why-is-homeowners-insurance-required-en-162/